โดย อ.วรชาติ มีชูบท

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |

| ก่อนหน้า | ๑๓๑ | ๑๓๒ | ๑๓๓ | ๑๓๔ | ๑๓๕ | ๑๓๖ | ๑๓๗ | ๑๓๘ | ๑๓๙ | ๑๔๐ | ถัดไป |

 

๑๓๖. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (๘)

 

          อนึ่ง ในระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ นั้น “...ทรงพระอนุสรคำนึงถึงการที่ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัตินับเรียงปีมาถึงรัตนโกสินทร ศก ๑๑๖ นี้ พอบรรจบ ๔๐ พรรษา เสมอด้วยรัชพรรษาแห่งสมเด็จพระรามาธิบดีพระองค์ที่ ๒  [] ซึ่งได้เสวยราชสมบัติในกรุงศรีอยุธยา ยืนยาวกว่าพระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์ ที่ได้เสวยราชสมบัติในกรุงศรีอยุธยานั้น...”  [] จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ซึ่งทรงสำเร็จราชการรักษาพระนครให้ทรงปรึกษากับเสนาบดีคิดกะโครงการว่าจะทำอย่างไรเสียแต่ในเวลาเสด็จไม่อยู่แล้วกราบบังคมทูลไปอย่ารอให้เสียเวลา

 

          สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชจึงได้ทรงหารือกับเสนาบดีและได้มีมติที่จะจัดการสมโภชถวายเป็นการใหญ่เมื่อเสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนครแล้ว และได้เห็นพร้อมกันที่จะชักชวนให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศได้มีโอกาสบริจาคทรัพย์ตามกำลังเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเป็นเงินเฉลิมพระขวัญ หรือที่เรียกกันโดยสามัญว่า “ทำขวัญ” แล้วแต่จะทรงใช้สอยเงินนั้นตามพระราชหฤทัย นอกจากนั้นแล้วยังมีเสนาบดีบางท่านเห็นว่าควรจะสร้างสิ่งอันใดไว้เป็นอนุสรณ์เฉลิมพระเกียรติด้วย ซึ่งข้อตกลงนี้เห็นควรให้รอมติต่อเมื่อรู้ยอดเงินเฉลิมพระขวัญเสียก่อน

 

 

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้าทหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร

ประธานกรรมการเรี่ยไรเงินจัดสร้างพระบรมรูปทรงม้าเฉลิมพระขวัญในวโรกาส

ทรงเป็นผู้แทนพสกนิกรชาวไทยกราบบังคมทูลถวายพระรูปทรงม้าในการพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก

เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๑

 

 

          ต่อมาในตอนต้นปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นในกระทรวงยุติธรรม อันเนื่องมาจาก “คดีพญาระกา” เป็นเหตุให้พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์) กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม และผู้พิพากษาซึ่งเป็นศิษย์ในพระองค์อีก ๒๘ นาย ได้พร้อมกันนัดหยุดงานและกราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งตามเสด็จเสนาบดีผู้ทรงเป็นพระอาจารย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จไปทรงจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในกระทรวงยุติธรรมจนเหตุวุ่นวายนั้นสงบลง ผู้พิพากษาที่กราบถวายบังคมลาออกนั้นพากันสำนึกผิดและได้รับพระราชทานอภัยโทษให้กลับเข้ารับราชการแล้ว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ทรงกำกับราชการในกระทรวงนั้นต่อมาตราบจนสิ้นรัชสมัย

 

 

พระยาสุรินทราชา (นกยูง วิเศษกุล) เมื่อครั้งเป็นหลวงอภิรักษ์ราชฤทธิ์

ราชเลขานุการในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้าทหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร

 

 

          แม้นว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชจะทรงมีพระราชภารกิจที่จะต้องทรงปฏิบัติในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อทรงว่างจากพระราชกิจทั้งปวงก็ได้ทรงอุทิศพระองค์เป็นครูพระราชทานการอบรมสั่งสอนวิชากฎหมาย การทหาร การปกครอง เศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์สากล ประวัติศาสตร์สากล และภาษาอังกฤษแก่มหาดเล็กข้าในกรม โดยมีหลวงอภิรักษ์ราชฤทธิ์ (นกยูง วิเศษกุล) [] ราชเลขานุการในพระองค์เป็นครูผู้ช่วย ทั้งยังได้ทรงเป็น พระอาจารย์สอนภาษาอังกฤษและวิชาทหารพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมขุนนครราชสีมา เมื่อทรงเตรียมพระองค์จะเสด็จไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษด้วย

 

          ในส่วนของวิชาการทหารนั้น นอกจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชจะโปรดให้มหาดเล็กข้าในพระองค์ได้ฝึกระเบียบแถวอันเป็นรากฐานของการฝึกหัดวิชาทหารแล้ว ยังได้ทรงสอนวิธีการสืบข่าว การสอดแนม ทั้งยังโปรดให้มีการเล่นซ้อมรบในเวลากลางคืนทั้งที่พระตำหนักจิตรลดา []  และพระราชอุทยานสราญรมย์ แล้วได้ทรงนำการเล่นซ้อมรบนั้นไปปรับใช้กับการฝึกหัดเสือป่าและลูกเสือเมื่อเสด็จเสวยราชสมบัติแล้ว

 

          นอกจากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชยังได้ทรงจัดให้มีการทดลองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอีกหลายคราว เริ่มจากปี พ.ศ. ๒๔๔๖ ทรงนำการทดลอง “The New Republic” หรือ “สาธารณรัฐใหม่” จากกรุงปารีสมาทรงทดลองกับข้าราชบริพารในพระองค์ที่ “เมืองมัง” [] ซึ่งโปรดให้สร้างเป็นเมืองจำลองประกอบด้วยหมู่บ้าน แม่น้ำ ถนน รถราง สวนและสนาม ในบริเวณสวนอัมพวันด้านหลังพระตำหนักจิตรลดา เมืองจำลองนี้คงดำเนินการต่อเนื่องมาได้ราว ๑ ปีก็ต้องยุติลง เพราะสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงผนวช ถึงปี พ.ศ. ๒๔๔๙ ทรงเริ่มนำระบบพรรคการเมืองและวิธีดำเนินการประชุมของรัฐสภาอังกฤษมาทดลองปฏิบัติจริงที่ “สมาคมครึ” (Gri Society) ที่พระตำหนักจิตรลดา มีสมาชิกกว่า ๑๐๐ คน ประกอบไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการไทยที่เคยไปศึกษาดูงานที่ประเทศอังกฤษ รวมตลอดทั้งข้าราชบริพารในพระองค์ ทรงกำหนดให้สมาชิกทุกคนต้องเป็นผู้แทนของเมืองใดเมืองหนึ่ง และต้องสังกัดพรรคการเมืองพรรคหนึ่งระหว่างพรรคสุภาพบุรุษ หรือพรรคแรงงาน ทรงจัดให้มีการเลือกตั้งทุกเดือน พรรคใดได้รับเลือกตั้งมากกว่า ก็จะจัดส่งสมาชิกจำนวน ๙ คน เข้าบริหารและจัดการส่งเสริมการกีฬาและการละครตามวัตถุประสงค์ของสมาคม

 

          ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๐ ทรงรื้อฟื้น “เมืองมัง” ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โปรดให้สร้างเรือนแถวยาวขึ้นในบริเวณสวนอัมพวัน แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพารในพระองค์พักอยู่ห้องละ ๒ คน ดำเนินการบริหารแบบ “นคราภิบาล” (Municipality) ประกอบด้วยนคราภิบาล (นายกเทศมนตรี) โยธาภิบาล เลขาธิการ และเชษฐบุรุษ (ผู้แทนราษฎร) มีกองตำรวจดับเพลิง หนังสือพิมพ์ “ชวนหวว” และธนาคารชื่อ “แบงค์ลีฟอเทีย” []  เพื่อฝึกหัดข้าราชบริพารในพระองค์ให้รู้จักการออมทรัพย์ด้วย

 

 

ธนบัตรลีฟอเทีย ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้าทหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มหาดเล็กเด็กๆ ใช้แทนเงินสดซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้นำฝากไว้ที่จิตรลดาธนาคาร

 

 

          อนึ่ง เป็นที่ทราบกันดีว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงสนพระราชหฤทัยในวิชาอักษรศาสตร์มาแต่ยังทรงพระเยาว์ เมื่อประทับทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษได้ทรงออกวารสารรายสัปดาห์เป็นภาษาอังกฤษชื่อ “The Screech Owl” มีเนื้อหาเป็นเรื่องเบ็ดเตล็ดสำหรับเด็กอ่านเล่น และหนังสือพิมพ์ชื่อ “The Looker - On” อันเป็นต้นกำเนิดของ “สามัคคีสาร” ซึ่งเป็นวารสารของสามัคคีสมาคมในประเทศอังกฤษ ครั้นเสด็จนิวัติพระนครแล้วทรงจัดตั้งทวีปัญญาสโมสรขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๗ เพื่อส่งเสริมการประพันธ์และการละคร ทั้งยังได้ทรงออกวารสารรายเดือนของทวีปัญญาสโมสรชื่อ “ทวีปัญญา” โดยมีบทความสารคดี กวีนิพนธ์ นิทาน และบทชวนหัวลงพิมพ์ต่อเนื่องกันทุกเดือนด้วย

 

          ส่วนกิจการโขนละครนั้น เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จนิวัติพระนครในตอนปลาย พ.ศ. ๒๔๔๕ นั้น ได้ทราบฝ่าละอองพระบาทว่า วิชาโขนละครซึ่งเป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยกำลังจะสูญไป เพราะขาดผู้อุปถัมภ์และส่งเสริม จึงทรงขอครูโขน ๓ คน จากเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) คือ

 

                    ครูพระ นาง ขุนนัฏกานุรักษ์ (ทองดี สุวรรณภารต) []

                    ครูยักษ์ ขุนระบำภาษา (ทองใบ สุวรรภารต) []

                    ครูลิง ขุนพำนักนัจนิกร (เพิ่ม สุครีวกะ) []

 

มาฝึกหัดมหาดเล็กข้าในพระองค์เพื่อสืบทอดวิชาดังกล่าวมิให้สูญ ดังมีพยานปรากฏในพระราชหัตถเลขาที่พระราชทานไปยังพระยาไพศาลศิลปสาตร์ (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) [๑๐]  กรรมการจัดการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเมื่อ ร.ศ. ๑๒๙ (พ.ศ. ๒๔๕๓) ซึ่งมีความตอนหนึ่งว่า “...มีอยู่อีกฃ้อ ๑ ซึ่งฃ้าควรจะบอกเจ้าไว้ คือมีนักเรียนหลวงบางคนได้เคยฝึกหัดวิชาโขนอยู่แล้ว ถ้าจะทิ้งเสียฃ้าก็ออกเสียดาย เพราะวิชานี้มันจะสูญอยู่แล้ว ยังมีที่หวังอยู่แต่ในพวกนี้ เพราะฉนั้นฃ้าอยากจะขอให้ได้มีโอกาสฝึกซ้อมต่อไปตามสมควร...”  [๑๑]

 

 

พระราชหัตถเลขาที่พระราชทานไปยังพระยาไพศาลศิลปสาตร (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)

เมือวันที่ ๘ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๓๐ (พ.ศ. ๒๔๕๔

 

 

 

 


[ ]  คือ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ

[ ]  “ข่าวเสด็จพระราชดำเนิรไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลรัชมงคลที่กรุงเก่า”, ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ (๘ ธันวาคม ๑๒๖), หน้า ๙๒๑ - ๙๒๗.

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็น มหาเสวกโท พระยาสุรินทราชา

[ ]  พระตำหนักจิตรลดาองค์เดิม ที่มุมพระลานพระราชวังดุสิต ด้านถนนราชดำเนินนอกตัดกับถนนศรีอยุธยา ต่อมาได้พระราชทานให้รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวังปารุสกวัน ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกองบัญชาการตำรวจนครบาล

[ ]  มีที่มาจากคำว่า “มังโก” หรือ “Mango” ซึ่งแปลว่า มะม่วง ตามชื่อ “สวนอัมพวัน” ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองจำลองนี้

[ ]  ชื่อธนาคารลีฟอเทียนั้นมีที่มาจากคำว่า “ลี” แปลว่า ใหญ่ในภาษาจีน หมายถึง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ซึ่งทรงมีพระนามว่า “โต”, “ฟอ” มาจากอักษร ฟ หรือ เฟื้อ คือ หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ ต่อมาได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็น พลเอก พลเรือเอก มหาเสวกเอก เจ้าพระยารามราฆพ “เทีย” มาจากอักษร ท หรือ เทียบ คือ นายวรการบัญชา (เทียบ อัศวรักษ์) ต่อมาได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็น นายพลตำรวจโท พระยาคทาธรบดีสีหราชบาลเมือง

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยานัฏกานุรักษ์

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาพรหมาภิบาล

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระพำนักนัจนิกร

[ ๑๐ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็น มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี

[ ๑๑ ]  หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖ ศ. เรื่องโรงเรียนมหาดเล็กหลวง

 

 

 

| ก่อนหน้า | ๑๓๑ | ๑๓๒ | ๑๓๓ | ๑๓๔ | ๑๓๕ | ๑๓๖ | ๑๓๗ | ๑๓๘ | ๑๓๙ | ๑๔๐ | ถัดไป |

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |