โดย อ.วรชาติ มีชูบท

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |

ก่อนหน้า  |  ๕๑  |  ๕๒  |  ๕๓  |  ๕๔  |  ๕๕  |  ๕๖  |  ๕๗  |  ๕๘  |  ๕๙  |  ๖๐  |  ถัดไป  |

 

๕๙. จากดุสิตธานีสู่โฮเต็ลพญาไท (๓)

 

 

 

 

          ภายหลังจากที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองดุสิตธานีแล้ว ท่านสมุหเทศาภิบาลฯ ได้มีบัญชาให้จัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ และได้เชิญท่านราม ณ กรุงเทพ ให้ไปอำนวยการเลือกตั้งอีกครั้ง แต่ท่านรามฯ ทูลให้ทราบว่า ติดธุระไม่สามารถมาอำนวยการได้ และได้แนะนำให้ท่านเทศาฯ ทรงเชิญผู้อื่นมาทำหน้าที่นี้แทน จึงได้พระยาราชเสนา (สหัส สิงหเสนี) [] ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทยมาเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งต่อมาอีกหลายครั้ง

 

          ในการที่ท่านรามฯ ตอบปฏิเสธไม่มาอำนวยการเลือกตั้งครั้งที่สองนั้น ท่านรามฯ ได้พระราชทานพระบรมราชาธิบายไว้ในสมุดจดหมายเหตุรายวันส่วนพระองค์ว่า "การลงคะแนนเลือกตั้งนี้สำคัญมากในระบอบประชาธิปไตย และฉันก็ได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างและเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะต้องเป็นหน้าที่ของหัวหน้ากองการเมือง ควรมาลองทำดูบ้าง"  []

 

          ถึงแม้การเลือกตั้งในดุสิตธานีจะได้ดำเนินมาหลายครั้ง โดยมีนายลิขิตสารสนอง (ชัพน์ บุนนาค) ได้รับเลือกเป็นนคราภิบาลคนสุดท้ายและเป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุด แต่ปัญหาและอุปสรรคสำคัญภายหลังการเลือกตั้งก็คือ "ได้รับเลือกตั้งมาแล้ว และแต่งตั้งบุคคลประกอบเป็นคณะนคราภิบาลแล้ว แต่ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป"  [] จึงทำให้เกิดวิกฤติการณ์ขึ้นในดุสิตธานี จนต้องมีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่อยู่หลายครั้ง

 

          เนื่องจากดุสิตธานีเป็นเพียงเมืองตุ๊กตาที่คนไม่สามารถเข้าไปอยู่ได้ จึงต้องมีอาคารขนาดใหญ่ในบริเวณใกล้เคียงที่ทวยนานครจะสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้จริง จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างอาคารขนาดใหญ่ที่ทวยนาครสามารถเข้าไปใช้ได้จริง คือ

 

 

พระตำหนักอุดมวนาภรณ์ (พระตำหนักเมขลรูจี) ในพระราชวังพญาไท

 

 

          ๑) พระตำหนักอุดมวนาภรณ์ หรือที่ต่อมาพระราชทานนามใหม่ว่า "พระตำหนักเมขลารูจี" ซึ่ง "ท่านราม ณ กรุงเทพ" หรือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวใช้เป็นที่ประทับจริงๆ ในดุสิตธานี

 

          ๒) โรงแรมเมโทรโปล ซึ่งมีอยู่ ๒หลังๆ หนึ่งเป็นที่ตั้งโต๊ะบิลเลียด อีกหลังหนึ่งเป็นภัตตาคาร ซึ่งสามารถจัดเป็นห้องประชุมแทน "นาครศาลา" ซึ่งเป็นศาลารัฐบาลหลังเล็กในดุสิตธานี และได้ใช้เป็นถานที่จัดประชุมลงคะแนนเลือกตั้งนคราภิบาลและเชษฐบุรุษ

 

          ๓) อาคารยาวริมคลองเม่งเส็ง ซึ่งกำหนดให้เป็นที่ทำการของพรรคการเมืองที่มีอยู่ ๒ พรรค คือ พรรคแพรแถบสีน้ำเงิน  ซึ่งเป็นพรรคที่คึกคักมาก เพราะท่านราม ณ กรุงเทพ ทรงเป็นผู้นำ กับพรรคแพรแถบสีแดง ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหมื่นเสมอใจราช (เนียร สาคริก) []ป็นผู้นำ

 

 

"ดุสิตสมิต" วารสารประจำดุสิตธานี

ที่มีคติพจน์ว่า "ออกบ้างไม่ออกบ้างตามบุญตามกรรม"

แต่ออกจริงตรงตามกำหนดในทุกบ่ายวันเสาร์

 

 

          นอกจากนั้นในดุสิตธานียังมีหนังสือพิมพ์ออกจำหน่ายถึง ๓ ฉบับ คือ

 

          ดุสิตสมิต มีสำนักงานอยู่ที่ตึก ๑๒ ชั้น ถนนเอนทราสตร์ในอำเภอเขาหลวง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือท่านราม ณ กรุงเทพ ทรงเป็นบรรณาธิการใหญ่ มีบรรณาธิการผู้ช่วยอีก ๔ ท่าน คือ หม่อมเจ้าชัชวลิต เกษมสันต์ พระยาประสิทธิ์ศุภการ (ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ) พระยาอนิรุทธเทวา (ม.ล.ฟื้น พึ่งบุญ) และพระยาสุจริตธำรง (โถ สุจริตกุล) กับมีบรรณานุกรซึ่งเป็นมหาดเล็กรุ่นเด็กซึ่งล้วนเป็นนักเรียนมหาดเล็กหลวงอีก ๔ คน คือ หม่อมเจ้าดุลภากร วรวรรณ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล นายปาณี ไกรฤกษ์ []  และนายเนื่อง สาคริก [] หนังสือดุสิตสมิตนี้มีคติประจำคณะว่า "ออกบ้างไม่ออกบ้างตามบุญตามกรรม" แต่ก็ออกตรงเวลาทุกวันเสาร์

 

          ดุสิตสมัย มีสำนักงานอยู่ที่ตึกแถว ถนนชัยชะนะสงคราม อำเภอบึงพระราม มีนายขัน หุ้มแพร (ตี๋ ภัทรเสวี) [] เป็นบรรณาธิการ มีนายจ่าเรศ (เสมียน สุนทรเวช) และนายชิต สิริพร มหาดเล็กกองตั้งเครื่องเป็นผู้ช่วย

 

          ดุสิตสักขี หรือ ดุสิตริคอร์เดอร์ มีสำนักงานอยู่ที่ตึกถนนสวัสดิไตรรงค์ อำเภอบางไทร มีนายรองเล่ห์อาวุธ (แฉล้ม กฤษณามระ) [] เป็นบรรณาธิการ

 

 

ดุสิตธานีที่ด้านหลังหมู่พระราชมณเฑียรในพระราชวังพญาไท (ในกราบสีเหลือง)

 

 

          ครั้นสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง เสด็จสวรรคตที่พระตำหนักพญาไทและเชิญพระบรมศพไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังในวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ แล้ว ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดพื้นที่ด้านหลังพระตำหนักพญาไทเป็นที่ตั้งดุสิตธานี แล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองจำลองดุสิตธานีจากพระราชวังดุสิตไปไว้ที่พระตำหนักพญาไทตั้งแต่วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๒

 

          การที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองจำลองดุสิตธานีไปไว้ที่พระตำหนักพญาไทนั้น มีประเด็นที่ชวนให้ขบคิดเป็นอย่างยิ่งว่า นอกจากจะทรงวางผังเมืองใช้ดุสิตธานีให้เห็นเป็นแบบอย่างแล้ว ยังทรงใช้ดุสิตธานีในการสอนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และน่าจะมีพระราชดำริที่จะใช้ดุสิตธานีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวพร้อมกันไปด้วย เพราะเมื่อสงครามในยุโรปสงบลงแล้ว ชาวยุโรปซึ่งต้องตกอยู่ในสภาวะสงครามมาเป็นเวลานานถึง ๔ ปี คงจะหาโอกาสหลบหลีกสภาพบ้านเมืองที่ปรักหักพังออกมาท่องเที่ยวในภาคพื้นเอเชียที่ไม่ได้รับผลร้านจากการสงครามครั้งนั้น รวมทั้งคงจะต้องมาเสาะหาทรัพยากรธรรมชาติและสินค้าจากภาคพื้นเอเชียกลับไปฟื้นฟูบ้านเมืองและทดแทนการผลิตที่ต้องถูกทำลายลงในระหว่างสงคราม จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างอาคารจำลองหรือ "บ้านตุ๊กตา" จำนวนเกือบพันหลังในเมืองจำลองดุสิตธานีด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ทั้งไทย จีน แขก ฝรั่ง แล้วเมื่อสมเด็จพระพันปีหลวงเสด็จสวรรคตแล้ว ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้รื้อย้ายพระตำหนักพญาไทไปปลูกสร้างเป็นหอเรียนวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง และได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างหมู่พระราชฐานที่ประทับเป็นตึกสองชั้นขึ้นแทน

 

          หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล อดีตมหาดเล็กรับใช้ได้เล่าไว้ว่า เมื่อโปรดเกล้าฯ ให้รื้อย้ายพระตำหนักพญาไทไปแล้ว ได้โปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้เล่าเป็นผู้ลากสายเทปวัดพื้นที่ในบริเวณวังพญาไท แล้วได้ทรงร่างแบบพระที่นั่งที่จะโปรดให้สร้างขึ้นใหม่ ก่อนที่จะพระราชทานให้สถาปนิกไปออกแบบก่อสร้างจนแล้วเสร็จ และได้โปรดกล้าฯ ให้มีการสมโภชพร้อมกับสถาปนาวังพญาไทขึ้นเป็นพระราชวังพญาไท เมื่อวันที่ ๑๖ - ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๕

 

 

 


[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยานครราชเสนี

[ ประชาธิปไตยแบบต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, หน้า ๑๐๐.

[ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๙๖.

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาบริหารราชมานพ

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น นายจ่ายวด

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระมหาเทพกษัตรสมุห

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระภรัศดานุรักษ์

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระประสิทธิ์บรรณการ

 

 

ก่อนหน้า  |  ๕๑  |  ๕๒  |  ๕๓  |  ๕๔  |  ๕๕  |  ๕๖  |  ๕๗  |  ๕๘  |  ๕๙  |  ๖๐  |  ถัดไป  |

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |