โดย อ.วรชาติ มีชูบท

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |

ก่อนหน้า  |  ๗๑  |  ๗๒  |  ๗๓  |  ๗๔  |  ๗๕  |  ๗๖  |  ๗๗  |  ๗๘  |  ๗๙  |  ๘๐  |  ถัดไป  |

 

๗๕. การประลองยุทธ์เสือป่าและลูกเสือ ()

 

 

          ต่อมาในคราวเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลภูเก็ต "สักขี" ก็ได้บันทึกเรื่องการซ้อมรบของเสือป่าและลูกเสือกองเสนารักษาดินแดนภูเก็ตไว้ใน "จดหมายเหตุระยะทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลปักษ์ใต้ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ถึง วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๐" ว่า

 

 

นายหมวดเอก พระยาทวีปธุระประศาสน์ (ชุบ โอสถานนม์)

เมื่อครั้งยังเป็น นายหมู่โท พระยาราชพินิจจัย

 

 

          "วันเสาร์ที่ ๒๘ เมษายน กำหนดการซ้อมรบเสือป่าแลลูกเสือกองเสนารักษาดินแดนภูเก็ต, มีคำสมมุติว่า ฝ่ายขาวเปนฝ่ายรุกเข้าตีเมืองภูเก็ต เพื่อจะยึดเอาเปนที่มั่น ตั้งฐานทัพได้แล้วจะยกข้ามไปตีเอาจังหวัดตรัง; ฝ่ายแดงเปนฝ่ายรับให้รักษาเมืองภูเก็ตไว้ให้ มั่นคง รอกองหลวงใหญ่จะส่งกำลังมาช่วยจากจังหวัดตรัง. ได้เริ่มทำการตั้งแต่เวลาเช้า ๔ โมง, นายหมวดเอก พระยาทวีปธุระประศาสน์  [] เปนผู้นำทัพแดงฝ่าย ๑ นายหมวดตรี หม่อมเจ้าถูกถวิล  [] เปนผู้นำทัพขาวอีกฝ่าย ๑ โปรดเกล้าฯ ให้นายกองเอก หม่อมเจ้าคำรบ  [] ผู้ช่วยจเรเสือป่าเปนกรรมการชี้ขาด แลให้นายเสือป่ากรมพรานหลวงรักษาพระองค์เปนกรรมการ

 

 

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงเครื่องเต็มยศนายพลเสือป่า ผู้บังคับการพิเศษกรมเสือป่าหลวงรักษาดินแดนภูเก็ต

 

 

          เวลาบ่าย ๓ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, ทรงเครื่องผู้บังคับการพิเศษกรมเสือป่าภูเก็ต, เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งทอดพระเนตร์แนวรบ ซึ่งเสือป่าแลลูกเสือภูเก็ตขยายแถว, ทำการต่อสู้ซึ่งกันแลกันอยู่ณะเชิงเขาโต๊ะแซะด้านตวันตก, แล้วเสด็จประทับพลับพลา ณ สนามชุมพลหน้าตึกที่ว่าการตำรวจภูธร, ทอดพระเนตร์การต่อสู้ทั้ง ๒ ฝ่ายจนถึงประจัญบานที่หน้าพลับพลา, แล้วเป่าแตรหยุดรบประชุมนายเสือป่าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท กรรมการชี้ขาดได้กราบบังคมทูลความเห็น. รวมใจความว่า ฝ่ายรับที่มุ่งหมายจะรักษาเมืองภูเก็ตซึ่งเปนเมืองสมบูรณ์แลมั่งคั่งด้วยกำลังทรัพย์แลเสบียงอาหารไว้มิให้ข้าศึกตีเอาไปได้ก่อนเวลาที่กองหลวงใหญ่จะส่งกำลังกองทัพใหญ่มาช่วยนั้น, ฝ่ายรับได้ทำการต่อสู้ข้าศึกเต็มความสามารถ จนกองหลวงได้ส่งกำลังมาช่วยทัน, นับว่าได้ทำการสำเร็จตามความมุ่งหมาย, แลว่าเสือป่าลูกเสือกองเสนาภูเก็ตทุกคนได้ทำการตามน่าที่แขงแรงดี; ทั้งนี้เพราะทุกคนมีความจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท แลมีความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาแลพระบารมีปกเกล้าฯ

 

 

นายพลโท พระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร (ม.ร.ว.สิทธิ์ สุทัศน์)

เมื่อครั้งเป็น นายพลเสือป่า พระยาสุรินทราชา ผู้บัญชาการกองเสนารักษาดินแดนภูเก็ต

 

 

          ต่อไปนายกองเอก พระยาสุรินทราชา  [] ผู้บัญชาการกองเสนาได้นำแถวเสือป่าแลลูกเสือ, พร้อมด้วยแตรวงธงประจำกอง, เดินแถวเปนตอนหมวดสวนสนามผ่านหน้าพระที่นั่ง, แล้วไปตั้งแถวเปนวงพระจันทร์ครึ่งซีกรอบแตรวง; ผู้บัญชาการได้นำถวายไชโยเข้าไปใกล้ที่ประทับ, ถวายคำนับพร้อมกันแล้ว, มีพระราชดำรัสเหนือเกล้าฯ ว่า "ขอให้ผู้บัญชาการบอกแก่เสือป่าแลลูกเสือกองเสนารักษาดินแดนภูเก็ตทุกคนว่า ได้มาดูการซ้อมรบวันนี้ เห็นว่าทำการเรียบร้อยดี ควรได้รับความชมเชยเปนอันมาก." แล้วพระยาสุรินทราชานำของรางวัลของข้าราชการชั้นจางวางผู้กำกับราชการ แลผู้ว่าราชการจังหวัดขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย, พระราชทานรางวัลในการยิงปืนแข่งขันแก่สมาชิกเสือป่าที่ยิงได้คะแนนสูง, แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ, แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เสือป่าแลลูกเสือถวายไชโยวิ่งตามรถพระที่นั่งส่งเสด็จพระราชดำเนิน."   []

 

 

นายพลเรือเอก สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา

เมื่อครั้งทรงดำรงพระยศเป็น นายพลจรี ผู้บัญชาการกองพลทหารบกที่ ๑ รักษาพระองค์

 

 

          อนึ่ง ในคราวที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายพลตรี สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมา เสด็จแทนพระองค์ไปตรวจราชการในมณฑลภาคพายัพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓ นั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ ก็ได้มีลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลรายงานการเสด็จไปทอดพระเนตรการซ้อมรบของทหาร เสือป่าและลูกเสือ ที่เมืองนครเชียงใหม่ไว้ว่า

 

          "ในราชการส่วนนักรบที่นี่ ข้าพระพุทธเจ้าได้ดูการฝึกหัดซ้อมรบ ซึ่งมีทหารในกรมทหารบกราบที่ ๘ เสือป่า ๑ กองร้อย นักเรียนเสือป่าโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ๑ กองร้อย ลูกเสือมาจากโรงเรียนต่างๆ รวมกัน ๒ กองร้อย กับหมวดเสือป่าม้า หมวดเสือป่าจักระยาน ทำการร่วมกันต่อสู้กับข้าศึกที่ในบังคับนายพันตรีหลวงไกรกระบวนหัด ผู้บังคับการกรมทหารบกราบที่ ๘ แลเห็นได้ว่านักรบต่างๆ เหล่านี้ทำการกลมเกลียวดันดีอย่างยิ่ง และความสามารถในน่าที่ก็ต่างคนต่างมีพอสมควรทั้งนั้น ทหารย่อมมีอาการคล่องแคล่วมากกว่าพวกอื่นอยู่เป็นธรรมดา เพราะเป็นผู้ที่หัดกันอยู่เสมอ ส่วนเสือป่าที่เป็นผู้ใหญ่นั้น ถ้าจะดูความฉลาดไหวพริบ ดีมาก แต่กำลังกายนั้นอยู่ข้างจะอ่อน เหนื่อยง่ายเต็มที ทั้งนี้ความจริงก็ไม่ติมากนัก เพราะนานๆจะได้กระทำการดังนี้ครั้งหนึ่ง ส่วนนักเรียนเสือป่าแลลูกเสือกำลังบริบูรณแน่นแฟ้นดี วินัยก็ดีมาก ออกจะไม่เลวกว่าทหาร แต่ความรู้ในน่าที่ยังอ่อนอยู่บ้าง รวมความว่าถ้าจะดูโดยทั่วไปแล้ว เห็นด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมว่านักรบต่างๆ ที่จังหวัดเชียงใหม่นี้มีความพยายามในน่าที่ของตนดีพอใช้ และทำการสนิทสนมกลมเกลียวเป็นสามัคคีกันดี ถ้ามีราชการจำเป็นแล้วอาจจะฉลองพระเดชพระคุณให้เป็นประโยชน์ได้เป็นแท้"  []

 

          เมื่อประมวลเรื่องราวการซ้อมรบเสือป่าจากคำบอกเล่าข้างต้น ก็น่าจะยืนยันได้ว่า การซ้อมรบของเสือป่าและลูกเสือที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดขึ้นตลอดรัชสมัยนั้น นอกจากจะทรงมุ่งหวังให้เสือป่าและลูกเสือที่เข้าร่วมการซ้อมรบโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกกองเสนาหลวงรักษาพระองค์ที่จะต้องทำหน้าที่เป็นกองกำลังถวายอารักขาและรักษาพระราชฐานที่ประทับแทนทหารรักษาพระองค์ที่ต้องเคลื่อนกำลังออกไปรบกับอริราชศัตรูเช่นเดียวกับกรมกองทหารอื่นๆ ให้มีความสามารถในการลาดตระเวน การสอดแนม และมีความสามารถในการรบแบบจรยุทธ์ อันเป็นการใช้หน่วยรบขนาดเล็กที่มีความชำนาญพื้นที่เข้าต่อตีกับกองกำลังขนาดใหญ่ของอริราชศัตรูที่ยกกำลังล่วงล้ำเข้ามาในพระราชอาณาเขตแล้ว กองกำลังเสือป่ายังจะสามารถเข้าร่วมสมทบเป็นส่วนหนึ่งของกรมกองทหารจัดเป็นหน่วยรบขนาดใหญ่ในการรบเต็มรูปแบบอีกด้วย

 

 

รถหุ้มเกราะ ในระหว่างการซ้อมรบเสือป่า พ.ศ. ๒๔๖๔

 

 

          นอกจากนั้นยังทรงใช้การซ้อมรบเสือป่าเป็นสนามทดลองวิธียุทธ์อย่างใหม่ก่อนที่จะทรงนำผลที่ทรงทดลองแล้วนั้นพระราชทานให้กระทรวงกลาโหมนำไปปรับใช้ในราชการกองทัพบก ดังเช่นเมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทว่า ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๑ อังกฤษได้สร้างรถโคมฉายเพื่อใช้ส่องหาเครื่องบินในเวลากลางคืนและจัดสร้างรถหุ้มเกราะขึ้นใช้ในการรบ ณ สมรภูมิทวีปยุโรป ครั้นสงครามสงบลงแล้ว ก็ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้จัดซื้อรถโคมฉายจากประเทศอังกฤษมาเป็นต้นแบบคันหนึ่ง ทั้งยังได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานรถยนต์พระประเทียบชื่อ "ภาพยนตร์" และ "กลกำบัง" พร้อมด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์อีกจำนวนหนึ่งให้หลวงกลการเจนจิต (เภา วสุวัต) จัดการรื้อตัวถังเดิมของรถยนต์พระประเทียบทั้งสององค์ออก และต่อตัวถังใหม่ด้วยเหล็กหนาทำเป็น "รถโคมฉาย" และ "รถหุ้มเกราะ" ตามแบบรถโคมฉายและรถหุ้มเกราะที่กองทัพอังกฤษนำไปใช้ในสงครามโลกครั้งที่ ๑

 

          จากนั้นได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง "กองรถเกราะและรถโคมฉาย" ขึ้นในกองเสือป่า กับได้โปรดเกล้าฯ ให้รถโคมฉายและรถหุ้มเกราะนี้เข้าร่วมในการประลองยุทธเสือป่ามาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๒ จนเป็นที่ทรงตระหนักแน่ในพระราชหฤทัยถึงประโยชน์ของการใช้รถหุ้มเกราะในการสงครามแล้ว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงกระลาโหมสั่งซื้อรถโคมฉายและรถหุ้มเกราะเข้ามาใช้ในราชการกองทัพบก อีกทั้งในตอนปลายรัชกาลยังได้โปรดเกล้าฯ ให้กรมพระคลังข้างที่จ่ายเงินพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เข้าสมทบการจัดซื้อรถจักรยานยนต์และปืนกลจำนวน ๖ กระบอกไว้ใช้ในราชการเสือป่า แต่เมื่อรถจักรยานยนต์และปืนจำนวนดังกล่าวเข้ามาถึงกรุงเทพฯ ได้เพียงเดือนเศษ ก็ทรงพระประชวรเสด็จสวรรคต รถจักรยานยนต์และปืนกลทั้ง ๖ กระบอกนั้นจึงยังมิทันได้ทดลองใช้ในราชการเสือป่าดังพระราชประสงค์ แต่เมื่อกิจการเสือป่าต้องสิ้นสุดลงเพราะเสด็จสวรรคตแล้ว ยกระบัตรเสือป่าก็คงจะได้มอบรถจักรยานยนต์และอาวุธปืนนั้นให้กองทัพบกไว้ใช้ในราชการ เช่นเดียวกับที่ได้ส่งมอบปืนพระราม ๖ อาวุธประจำกายของเสือป่าให้แก่ตำรวจภูธรไว้ใช้ในราชการปราบปรามโจรผู้ร้ายต่อมา

 

 

นายนาวาตรี หม่อมเจ้าชัชวลิต เกษมสันต์ ร.น.ส.

 

 

          ในส่วนการฝึกซ้อมวิธียุทธของเสือป่านั้น ยังได้พบความตอนหนึ่งในบทความเรื่อง "ขอให้เหลียวดูเสือป่าบ้าง" ของนายกองเอก หม่อมเจ้าชัชวลิต เกษมสันต์ ซึ่งได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในดุสิตสมิต เล่ม ๑ ฉบับพิเศษ สำหรับเปนที่ระฦกในงานเฉลิมพระชนมพรรษา พ.ศ. ๒๔๖๑ ว่า

 

          "นอกจากนี้ยังมีข้อซึ่งควรจะเล่าสู่ท่านผู้ยังไม่เคยสังเกตอีกข้อ ๑ คือ วันหนึ่งในการประลองยุทธ์ใหญ่ของทหารบกที่จังหวัดราชบุรีเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ รองผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็กอวดข้าพเจ้าว่าจะเข้าตีข้าศึกโดยใช้วิธียุทธ์อย่างใหม่, ซึ่งเขาได้ใช้กันในสงครามที่ยุโรปคราวนี้, แลยังไม่มีกรมทหารใดๆ ในประเทศสยามได้ทำเลย. เมื่อข้าพเจ้าเห็นเขาทำแล้วรู้สึกภาคภูมใจที่สุด, ด้วยข้าพเจ้าได้เคยรับพระบรมราโชวาทถึงวิธียุทธ์อย่างนี้มาแล้ว และได้ทดลองตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๙ เรื่องยุทธวิธียังมีข้อที่น่าเล่าที่สุดอีกอย่าง ๑, ท่านผู้มีความรู้ในวิชานักรบคงรู้ดีว่าการยุทธ์ในเวลากลางคืนเปนการลำบากปานใด เพราะความมืดทำให้การติดต่อยากที่สุด, เหตุการณ์ฝ่ายข้าศึกเราก็เห็นได้ยาก. ทั้งฝ่ายเราก็จวนจะจำกันไม่ได้อยู่แล้ว, แต่ถึงแม้เช่นนั้นก็ดีเสือป่าทำการได้ดีที่สุด. ความเร็ว, ความเงียบและความพร้อมเพรียง, ข้อเหล่านี้รวมกันเข้ากระทำให้เราทำการสำเร็จแทบทุกครั้ง. ข้าพเจ้าหาญกล่าวได้ว่าในเวลาสงครามเสือป่าอาจทำน่าที่ของนักรบได้ดีเสมอไหล่กับทหารบกเปนแน่แท้."  []

 

 

 


[ ]  พระยาทวีปธุระประศาสน์ บรมนาถภักดี (ชุบ โอสถานนท์) ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาประชากิจกรจักร์

[ ]  หม่อมเจ้าถูกถวิล ศุขสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา

[ ]  หม่อมเจ้าคำรบ ปราโมช ต่อมาได้รับพระราชทานเฉลิมพระยศเป็น นายพลโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ

[ ]  นามเดิม ม.ร.ว.สิทธิ์ สุทัศน์ ต่อมาได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็น นายพลโท พระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร.

[ ]  สักขี. จดหมายเหตุระยะทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลปักษ์ใต้ ของสักขี ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ถึง วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๐, หน้า ๑๐๒ - ๑๐๔.

[ ]  หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖ ม. ๒๗/๑๐ เรื่องสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมาเสด็จมณฑลพายัพ (๓๑ ตุลาคม ๒๔๖๓ - ๒๙ มีนาคม ๒๔๖๗).

[ "ขอให้เหลียวดูเสือป่าบ้าง", ดุสิตสมิต เล่ม ๑ ฉบับพิเศษ สำหรับเปนที่ระฦกในงานเฉลิมพระชนมพรรษา, หน้า ๓๖ - ๓๘.

 

 

ก่อนหน้า  |  ๗๑  |  ๗๒  |  ๗๓  |  ๗๔  |  ๗๕  |  ๗๖  |  ๗๗  |  ๗๘  |  ๗๙  |  ๘๐  |  ถัดไป  |

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |