พระยาไพศาล |
หอสวดมนต์ของเราจะต้องจัดให้ดูเป็นที่ขลัง |
|
|
พระราชดำรัส |
ก็ควรจัดเช่นนั้น
เดี๋ยวนี้เด็กใหม่ๆ
สวดมนต์ไม่เป็น เพราะไม่ได้สอนกัน
ขอชักชวน
ให้สอนศาสนา
เดี๋ยวนี้เราแพ้ฝรั่งเขา
ที่พูดมาทั้งหมดนี้
อยากจะทราบว่ากรรมการมี
ความเห็นอย่างไรที่จะแก้ไขให้เหมาะแก่คนไทย
พระยาสุพรรณมีความเห็นอย่างไร |
|
|
พระยาสุพรรณ |
ตามที่ทรงพระราชดำริในทางดำเนินการนั้น
ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า
สมควรแล้ว
ถ้าจะมีแก้ไขอย่างไรต่อไป
กรรมการจะได้กราบบังคมทูล |
|
|
พระยาจินดา |
ตามพระราชกระแส เห็นด้วยเกล้าฯว่า
เป็นทางดำเนินที่ควรแล้ว
การแยกเด็กเล็กกับเด็กใหญ่ยิ่งแยกเป็นคนละโรงเรียนได้ยิ่งดี
ถ้าไม่เป็นการขัดข้อง |
|
|
พระยามโนปกรณ์ |
แยกเป็นคนละโรงเรียนเปลืองเงินมาก |
|
|
หม่อมเจ้าบวรเดช |
ถ้าเช่นนั้นโรงเรียนวชิราวุธต้องเลิกด้วยเด็กใหญ่ไม่รับเลย
ควรจัดทาง Public School เสียก่อน? |
|
|
พระราชดำรัส |
นั่นเป็นการลำบาก
แต่ดีเหมือนกัน
คือว่าแยกเป็นสองโรงเรียนเลย
สำหรับโรงเรียนนี้ที่จริงเด็กใหญ่ก็มีสิทธิจะเข้าได้
ถ้าไม่ขัดกับทางของเรา
ควรจัดชั้นไม่ให้เด็กมีอายุต่างกันมาก
นักเรียนเก่าถ้าเข้าชั้นตามอายุก็ได้รับ
เรื่องนี้รู้สึกเหมือนกันว่าตัดสิทธิเด็กใหญ่เสีย
แล้วก็เลิกโรงเรียนราชวิทยาลัยเสียด้วย
ข้อสำคัญเกี่ยวด้วยเรื่องเงินเท่านั้น |
|
|
พระยาไพศาล |
ตามสกีมที่กระทรวงธรรมการกะไว้
ต้องการเงินเพิ่มสามหมื่นบาทสำหรับจัดโรงเรียนราชวิทยาลัย
โดยยกโรงเรียนบ้านสมเด็จไปรวม |
|
|
พระราชดำรัส |
จะแบ่งให้จัดเดี๋ยวนี้จะได้ไหม |
|
|
พระยาไพศาล |
ถ้าจะแบ่งจะต้องเลิกครูฝรั่งที่โรงเรียนนี้เสียบ้าง |
|
|
พระราชดำรัส |
ฉันจะเพิ่มเงินพระคลังข้างที่ให้บ้างก็ได้ |
|
|
หม่อมเจ้าบวรเดช |
ครูฝรั่งที่นี่ไม่มากเกินไปหรือ |
|
|
พระยาไพศาล |
มาก แต่ก็แล้วแต่วิธีสอน
เดี๋ยวนี้ใช้ครูฝรั่งสอนวิชาเป็นภาษาฝรั่ง |
|
|
พระราชดำรัส |
ถ้าสามารถจะจัดโรงเรียนราชวิทยาลัยโดยแบ่งเงินไปจากที่นี่บ้าง
ถ้าขาดเหลือทางนี้ฉันจะให้
จะสามารถจัดหรือไม่
ถ้านักเรียนเก่าเข้าที่นี่ไม่ได้
ก็เข้าราชวิทยาลัย |
|
|
พระยาไพศาล |
พระยาไพศาล คิดด้วยเกล้าฯ ว่า
เดี๋ยวนี้นักเรียนเก่าคงไปเข้าโรงเรียนอื่นหมดแล้ว
มีไปเข้าโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์และโรงเรียนบ้านสมเด็จ |
|
|
พระราชดำรัส |
เดี๋ยวนี้มีคนบ่นมากที่เลิกโรงเรียนราชวิทยาลัย
ถ้าตั้งขึ้นใหม่ก็จะดี
แต่คลังไม่ยอมให้เงิน
ลองคิดดูว่าในเก้าหมื่นบาทจะแบ่งคืนให้บ้างได้เท่าใด |
|
|
พระยาไพศาล |
พระยาไพศาล มีทางที่จะจัดได้
คือเงินเดือนนายโคลบีสำหรับศกหน้าเดือนละ
๙๐๐ บาท เป็นปีละ ๑๐,๘๐๐ บาท
แต่งบประมาณโรงเรียนนี้กำหนดไว้ตายตัวไม่มีขึ้น
มีหวังที่จะใช้เงินรายนายโคลบี้นี้
จะขยายตัวยาก
มีทางที่ขยายได้คือเงินค่าเล่าเรียนเหลือจากค่าอาหาร
ถ้ามีนักเรียน ๒๐๐ คน
คิดถัวเงินค่าเล่าเรียนเหลือจากค่าอาหารคนละ
๕ บาท เป็นเงินเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท
คิดเพียง ๘ เดือน เป็นเงิน ๘,๐๐๐
บาท |
|
|
พระองค์เจ้าศุภโยค |
กะเสียให้เรียบร้อยดีกว่า
ดูเสียก่อนว่าครูฝรั่งเดี่ยวนี้มากไปหรือน้อยไป |
|
|
พระราชดำรัส |
ยังไม่ตกลงว่าครูฝรั่งจะสอนอะไร
นี่เป็นกิจการของกรรมการโดยแท้
ฉันจะยอมเพิ่มเงินให้โรงเรียนนี้อีก
ถ้าตกลงตามความเห็นของฉัน |
|
|
พระยาไพศาล |
เรื่องการแยกเงินไปตั้งโรงเรียนราชวิทยาลัย
จะได้รับพระราชทานไว้พิจารณาจัดการ |
|
|
พระราชดำรัส |
ถ้าตั้งโรงเรียนราชวิทยาลัยขึ้นใหม่
ตัดเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท
คืนให้เขาบ้างได้จะดี |
|
|
หม่อมเจ้าบวรเดช |
ตามที่คิดเงินค่าเล่าเรียนเดี๋ยวนี้
ถึงนักเรียนจะมีมากขึ้น
เงินก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น |
|
|
พระยาไพศาล |
ได้เพิ่มขึ้น เช่น
นักเรียนชั้นต่ำเก็บเดือนละ ๒๐
บาท
เดี๋ยวนี้โรงเรียนใช้ค่าอาหารเสีย
๑๘ บาท ได้ ๒ บาท
ขั้นกลางเก็บเดือนละ ๒๕ บาท ได้ ๗
บาท ชั้นสูงเก็บเดือนละ ๓๐ บาท
ได้ ๑๒ บาท ถ้าถือนักเรียน ๒๐๐ คน
คิดถัวเพียงคนละ ๕ บาท
และคิดเพียง ๘
เดือนก็ได้เงินเหลือปีละ ๘,๐๐๐
บาท
ครูเท่าที่มีอยู่เดี๋ยวนี้ควรจะสอนนักเรียนได้จำนวนอีกเท่าตัว |
|
|
พระองค์เจ้าศุภโยค |
เก็บเงินนักเรียนได้นิดหน่อย
ชั้นต้นจะต้องรวบรวมเงินที่จะต้องจ่ายเป็นงบประมาณ |
|
|
พระราชดำรัส |
เดี๋ยวนี้เงินพระคลังข้างที่ให้
๑๐,๐๐๐ บาท หรือ |
|
|
พระยาบรินูรณ์ |
ให้ ๑๐,๐๐๐ บาท |
|
|
พระราชดำรัส |
ฉันจะให้ได้อีก ๑๐,๐๐๐
บาท |
|
|
พระยาไพศาล |
เช่นนั้นควรตัดได้ ๒๘,๐๐๐ บาท
คือถ้าเลิกครูฝรั่งเสียอีกคนหนึ่ง |
|
|
พระราชดำรัส |
ลองคิดดูว่าขาดเท่าไร
ฉันจะให้ได้ทางพระคลังข้างที่
บางทีจะให้เงินสำหรับปีนี้ยาก
ปีหน้าง่าย
เมื่อตั้งแล้วจะมีนักเรียนเก่ากลับเข้ามาไหม
โรงเรียนราชวิทยาลัยที่จะตั้งขึ้น
ตั้งอย่างโรงเรียนบางขวางเดิม
ถ้าจะตั้ง ตั้งศกใหม่ |
|
|
หม่อมเจ้าบวรเดช |
ควรจะตั้งปลายปี |
|
|
พระยาไพศาล |
ปลายปีตั้งได้ เทอมใหม่ |
|
|
หม่อมเจ้าบวรเดช |
การสอบไล่ของกระทรวงธรรมการราวเดือนธันวาคม
เพราะฉะนั้นการตั้งต้นของโรงเรียนอย่างของเราควรตั้งต้นราวนั้น |
|
|
พระราชดำรัส |
ถ้าอย่างนั้นโรงเรียนนั้นตกลงกระทรวงธรรมการจัดเป็นโรงเรียนบางขวางอย่างเก่า
ไม่ควรเอาเข้ามาเป็นโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์
โรงเรียนบางขวาง แต่ก่อนเงิน
๙๐,๐๐๐ บาท เขาทำกันมาได้
ต่อมาไม่พอต้องเพิ่มเงินพระคลังข้างที่ |
|
|
พระยาไพศาล |
เพราะเก็บเงินค่าเล่าเรียนไม่ค่อยจะได้
ถ้าได้ก็พอเจือจาน |
|
|
พระราชดำรัส |
พอเจือจานได้ |
|
|
หม่อมเจ้าบวรเดช |
ออกจะเป็นการใหญ่
แต่กระทรวงธรรมการคงจะเอาเงิน
๓๐,๐๐๐ บาท |
|
|
พระราชดำรัส |
ปีหน้าว่ากันอีกที
ลองคิดวางสกีมลดเงินทางนี้ไปให้ทางโน้น
สำหรับโรงเรียนนี้จะวางสกีมอย่างไร
ควรให้เป็นโรงเรียนไปรเวตแท้ๆ
ส่วนหลักการให้เป็นไปทางคลองความมุ่งหมายทีเดียว
หลักสำหรับโรงเรียนนี้ผิดกับโรงเรียนทั่วไป
จะเอาอย่างเดียวกันไม่ได้
ความประสงค์ผิดกันเสียแล้ว |
|
|
พระองค์เจ้าศุภโยค |
การเลือกนายกจะถือเอาหลักปีหนึ่งหรือสามปีเปลี่ยนหนหนึ่ง |
|
|
พระราชดำรัส |
หลักเลือกนายกจะเอาหรือไม่เอา |
|
|
หม่อมเจ้าบวรเดช |
เห็นว่าดี |
|
|
พระราชดำรัส |
ฉันคิดว่าดี |
|
|
หม่อมเจ้าบวรเดช |
เป็นแต่เพียงนายกในการดำเนินการประชุมเท่านั้น
ถ้าจะว่าด้วยทำหน้าที่แล้วไม่เหมาะ
เพราะการบังคับบัญชาอยู่ที่กรรมการ |
|
|
พระยาไพศาล |
ถ้าเช่นนั้นกรรมการก็ถือว่าบุคคลเป็น
ไม่ใช่ตำแหน่ง |
|
|
พระราชดำรัส |
ไม่ใช่ตำแหน่ง |
|
|
พระยามโนปกรณ์ |
เห็นจะต้องแก้ประกาศ |
|
|
พระราชดำรัส |
ต้องแก้
ฉันนึกว่าแก้เสียใหม่ดีกว่า |
|
|
หม่อมเจ้าบวรเดช |
การบางอย่างควรให้เกี่ยวกับกระทรวงธรรมการ
การได้กรรมการอยู่ในหน้าที่อื่นไม่ใช่ผู้ชำนาญต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ |
|
|
พระราชดำรัส |
หน้าที่ตรวจตราเกี่ยวกับการเรียน |
|
|
พระยาไพศาล |
ก็ไม่น่าจะขัดข้องทางกระทรวงธรรมการ
กระทรวงธรรมการทำรายงานเสนอกรรมการ
กรรมการเป็นผู้สั่ง |
|
|
หม่อมเจ้าบวรเดช |
ว่าด้วยการตรวจ
คือต้องตรวจการเล่าเรียน
การอยู่กินของนักเรียน การเล่น
การเงินทองทั้งหมด
ถ้าแม้ว่ากรรมการจะแบ่งรับเป็นอย่างๆ
ไม่ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่กระทรวงธรรมการ
กรรมการจะรับได้หรือไม่ |
|
|
พระองค์เจ้าศุภโยค |
จะแบ่งเห็นจะลำบาก |
|
|
พระองค์เจ้าไตรทศ |
กระทรวงธรรมการมีผู้เป็นกรรมการอยู่แล้ว
แต่ไม่ใช่นายก |
|
|
พระยาจินดา |
เห็นด้วยเกล้าฯ
ว่าเสนาบดีกระทรวงธรรมการ
ควรเป็นกรรมการโดยตำแหน่งด้วย |
|
|
พระยามโนปกรณ์ |
เป็นบุคคลเช่นพระยาไพศาลหรือพระองค์ธานี
[๑]
กรรมการตรวจตราควรเป็นกรรมการซึ่งอยู่ในกระทรวงธรรมการ
และการที่จะตรวจนั้นโดยคณะกรรมการ
ขอให้ไปตรวจตามแต่โอกาส
ไม่ใช่กรรมการผู้ที่อยู่ในกระทรวงธรรมการนึกจะตรวจเมื่อใดก็ไปตรวจเอาเอง |
|
|
พระยาไพศาล |
เมื่อกระทรวงธรรมการตรวจแล้ว
เสนอรายงานต่อกรรมการ
ถ้ามีข้อใดที่จะให้ตรวจโดยเฉพาะก็ให้ตรวจเป็นพิเศษได้ |
|
|
พระราชดำรัส |
แปลว่าขอความช่วยเหลือกระทรวงธรรมการ
เสนาบดีกระทรวงธรรมการเป็นโดยตำแหน่ง
ส่วนปลัดทูลฉลองคือพระยาไพศาลเป็นโดยบุคคล |
|
|