"พิชโย"
มาจากราชทินนาม "พิไชยชาญฤทธิ์"
ซึ่งท่านผู้นี้ได้ชื่อว่า
เป็นอาจารย์วิชายุทธศาสตร์และยุทธวิธีผู้มีชื่อเสียงยิ่งของโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
ภาพนี้ทรงวาดลงในดุสิตสมิตเพื่อแสดงความยินดีในคราวที่นายพลตรี
พระยาพิไชยฤทธิ์
หัวหน้ากองทูตทหารหรือแม่ทัพใหญ่ฝ่ายสยามในงานพระราชสงคราม
ณ ทวีปยุโรป นำนายและพลทหารในกองบิน
ทหารบกเดินทางกลับถึงกรุงสยามโดยสวัสดิภาพเมื่อวันที่
๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๒
ในภาพ นายพลตรี พระยาพิชัยชาญฤทธิ์
แต่งเครื่องแบบปกติ สวมหมวกแก๊ปสีกากีแกมเขียว
ผ้าพันหมวกและกระบังหน้าสีกากีแกมเขียว
มีตราปทุมอุณาโลมติดที่หน้าหมวก
เสื้อแบบราชการสีกากีแกมเขียว ติดดุมทองเกลี้ยง ๕
ดุม กับมีกระเป๋าใบปก ๔ กระเป๋า
ติดอินทรธนูไหมทองถักยาวตามบ่า
ประดับจักรเงินหมายยศที่ปลายอินทรธนูทั้งสองข้างๆ
ละ ๑ จักร
กลางอินทรธนูข้างขวาประดับอักษรพระบรมนามาภิไธยย่อ
จ.ป.ร.พระเกี้ยวยอด
หมายเป็นราชองครักษ์มาตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
กลางอินทรธนูเบื้องซ้ายประดับเครื่องหมายสังกัดรูปพระมหามงกุฎเงิน
หมายเป็นนายทหารสังกัดกรมเสนาธิการทหารบก
คอเสื้อประดับเข็มเครื่องหมายพลรบประจำการรูปพระมหามงกุฎรัศมีเงิน
มีเข็มขัดหนังเหลือง
พร้อมสายกระบี่สะพายเฉียงบ่าขวา
กางเกงสีกากีแกมเขียวแบบขี่ม้า รองเท้าสูง (บูท)
หนังเหลือง
มือทั้งสองข้างกุมโกร่งกระบี่ฝักเงินพร้อมถุงมือ
เครื่องแบบสีกากีแกมเขียวนี้
กองทัพฝรั่งเศสจ่ายให้นายและพลทหารในกองทหารอาสาของไทยที่ไปในงานพระราชสงครามทวีปยุโรปแทนเครื่องแบบสีกากี
ซึ่งกระทรวงกลาโหมจ่ายให้เมื่อครั้งออกเดินทางไปจากกรุงเทพฯ
เพื่อให้สอดคล้อง
กับสีเครื่องแบบทหารในกองทัพสัมพันธมิตรซึ่งเข้าร่วมในมหาสงครามภาคพื้นยุโรป
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๑ สงบลงแล้ว
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นายทหารในกองทัพบกสยามเปลี่ยนเครื่องแบบจากสีกากีมาเป็นสีกากีแกมเขียวตั้งแต่ปี
พ.ศ. ๒๔๖๒
และนายทหารบกไทยคงใช้เครื่องแบบสีกากีแกมเขียวสืบมาจนถึงปัจจุบัน |