"คืนวันนี้ [๓]
กรมเสือป่ามณฑลนครศรีธรรมราช
แลกรมเสือป่ามณฑลปัตตานีซึ่งยกมาสมทบ
ได้ยกกองออกตั้งชุมพลเพื่อซ้อมรบถวายทอดพระเนตร
ได้แบ่งกองร้อยที่ ๑ รักษาพระองค์ กองร้อยที่ ๓
นครศรีธรรมราช กองร้อยที่ ๒ มณฑลปัตตานี
เปนกองฝ่ายสีดินแดง อยู่ในบังคับบัญชา นายหมวดโท
พระพินัยนิติศาสตร์ราชสภาบดี [๔]
ผู้นำทัพฝ่ายหนึ่ง กองร้อยที่ ๒ แลที่ ๔
มณฑลนครศรีธรรมราชกับกองร้อยที่ ๑
มณฑลปัตตานีเปนฝ่ายสีน้ำเงิน นายหมวดโท
พระปัตนบุรีศรีสมุทเขตร์ [๕]
เปนผู้นำทัพอีกฝ่ายหนึ่ง
เขตร์สนามซ้อมรบกำหนดตั้งแต่แหลมทรายไปถึงตำบลน้ำกระจาย
กองฝ่ายสีดินแดงตั้งรับ กองฝ่ายสีน้ำเงินเปนกองรุก
กองฝ่ายสีน้ำเงินได้ขึ้นรถไฟไปที่สถานีน้ำกระจาย
ตั้งแต่เวลาดึกคืนวันที่ ๑๔ มิถุนายนนี้
แล้วยกเดินเข้ามาที่ตำบลบ้านกระดาน นายกองเอก
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนลพบุรีราเมศวร์
[๖]
ทรงเปนผู้อำนวยการซ้อมรบ นายกองเอก
พระยาราชมานู [๗]
แลผู้อื่นเปน กรรมการฝ่ายหนึ่ง นายกองโท
เจ้าหมื่นไวยวรนารถ
[๘]
แลผู้อื่นเปนกรรมการอีกฝ่ายหนึ่ง
วันอังคารที่ ๑๕ มิถุนายน เวลาย่ำรุ่ง
กองฝ่ายสีดินแดงยกเดินไปตั้งในบริเวณทิศใต้แห่งคลองสำโรง
แล้วเริ่มกระทำการสอดแนมแลต่อสู้กันต่อไป
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องสนามเสือป่า
เสด็จพระราชดำเนินด้วยรถยนต์พระที่นั่งออกถนนสะเดา
เลี้ยวถนนสุขุมถนนรามวิถี
ไปทางถนนไทรบุรีประทับที่สถานีวิทยุโทรเลข
อยู่ทิศใต้คลองสำโรง มีกระโจม (เตนต์)
น่าเรือนนายเรือโท แป๊ะ
ผู้บังคับการสถานีวิทยุโทรเลข
เปนที่ประทับอย่างแรมในสนาม ทรงรับรายงานต่างๆ
ในการดำเนินแห่งการซ้อมรบ เวลา ๗
ทุ่มเศษได้ยินเสียงปืนเสือป่าทั้ง ๒
ฝ่ายยิงต่อสู้กัน เสียงปืนกระทบเขามีกังวานเปน ๒
ซ้ำ เสียงกังวาลจากภูเขาดังก้องกว่าเสียงทีแรก
วันพุฒที่ ๑๖ มิถุนายน เวลาย่ำรุ่ง
เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรแนวรบ
ประทับที่สนามแยกคลองสำโรง
ระหว่างถนนไปเมืองไทรบุรีทางอำเภอเหนือ
[๙]
และถนนไปเมืองปัตตานี
ทางอำเภอจะนะกับถนนเข้าเมืองสงขลา
การซ้อมรบวันนี้ นับได้ว่าเปนที่น่าดูน่าชมยิ่งนัก
นอกจากเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อคืนนี้มา
คือการปล่อยกองลาดตระเวณของฝ่ายสีน้ำเงินออกมายั่วแนวยามข้างฝ่ายสีดินแดงเปนต้น
ครั้นต่อมาตอนเช้าก็ได้เห็นกองฝ่ายสีดินแดงขยายกำลังออกตามแนวคลองสำโรงตลอดลำคลอง
ในระหว่างสพานรถไฟกับสพานถนนที่จะแยกไปเมืองไทรบุรีแลแยกไปอำเภอจะนะนั้น
การขยายแถวของฝ่ายสีดินแดงเปนที่น่าชมอย่างยิ่ง
คือ
ข้อ ๑ ขยายแนวแลระยะไม่ห่างไม่ถี่เกินไป
สมควรกับภูมิประเทศ
ข้อ ๒
กองหนุนก็หนุนอยู่ในระยะอันสมควรและอยู่เปนหมู่เปนกองไม่กระจัดกระจาย
ถึงแม้ว่าข้าศึกจะฮึกเหิมเข้ามาทางใดก็สามารถจะออกไปช่วยแนวรบได้ทันที
ข้อ ๓ ทั้งภูมิประเทศที่เลือกซุ่มซ่อนอยู่นั้น
ก็เปนการมิดชิดสำหรับข้าศึกมิอาจที่จะแลเห็นได้
แต่ไม่มิดชิดเกินไปสำหรับผู้ที่ซ่อนอยู่นั้นจะออกไปช่วยแนวรบได้
ส่วนการส่งกระสุนหนุนก็เปนที่น่าดูยิ่งนัก
ผู้บังคับบัญชาได้สั่งจ่ายโดยทั่วถึงมิได้บกพร่อง
แลทั้งผู้ที่ได้ส่งกระสุนอยู่ที่แนวรบนั้นก็ได้ระมัดระวังตัวอย่างดีที่สุด
มิอาจที่จะเกิดอันตรายจากข้าศึกได้
ส่วนการระวังปีกของสีดินแดงนั้นมิได้จัดกองระวังเลย
เพราะเหตุว่าข้าศึกมิอาจที่จะจู่โจมเอาปีกได้ทั้ง
๒ ข้าง
เพราะถ้าจะข้ามมาตีปีกก็ต้องข้ามคลองมาโดยแลเห็นได้ถนัด
มิฉนั้นก็ต้องข้ามสพานใดสพานหนึ่งในสองสพานที่ได้กล่าวแล้วนั้น
ส่วนสพาน ๒
สพานนี้ผู้นำทัพฝ่ายสีดินแดงได้ออกคำสั่งเปนมั่นคงว่า
ถ้าแม้ข้าศึกบุกรุกเข้ามาทางสพานใดสพาน ๑
ก็ให้ระเบิดสพานนั้นเสียทันที
เพราะฉนั้นจึ่งเปนที่ไว้ใจได้แน่นอนว่าข้าศึกจะยกมาตีปีกได้โดยยาก
จึ่งมิได้จัดกองระวังปีกตามที่ได้กล่าวมาแล้ว
แต่ได้จัดหมู่คอยเหตุตรวจตราอยู่เสมอ
ถ้าแม้ข้าศึกส่งกำลังหนาแน่นมาทางใด
ก็อาจที่จะส่งอาณัติสัญญาและแจ้งเหตุการณ์นั้นๆ
มาถึงกองหนุนได้โดยทันที ครั้นเวลาประมาณโมง ๑๕
นาที
ข้างฝ่ายสีน้ำเงินได้ส่งกองลาดตระเวนน่าออกมาสืบกิริยาอาการของข้าศึก
ครั้นได้พบกับยามคอยเหตุของฝ่ายสีดินแดงที่ส่งออกไปอยู่น่าแนวรบนั้น
ก็ได้ขับไล่ยามนั้นหลบหนีเข้ามาหลังแนวรบ
แลยามนั้นได้แจ้งเหตุการณ์แก่ผู้นำทัพให้ทราบว่า
ข้าศึกได้ยกมาด้านน่าของแนวรบ
ผู้นำทัพจึงได้มีเวลาสั่งการให้เตรียมตัวพร้อมทั่วถึงกัน
ครั้นกองลาดตระเวณน่าฝ่ายสีน้ำเงินได้ขับไล่ยามไปแล้วนั้น
จึงได้ขยายแนวออกยิงระดมเข้ามาตามแนวคลอง
เพื่อทดลองกำลังของข้าศึกว่ามีกำลังหนาแน่นเพียงไร
ตอนนี้ข้างฝ่ายสีดินแดงออกจะขาดความระวังระไวไปสักหน่อย
แต่เห็นจะเปนความผิดอยู่ที่ผู้น้อย
คือได้ขยายกำลังให้ข้าศึกรู้ได้ตลอดแนว
คือการยิงปืนตลอดแนวรบ
ซึ่งทำให้ข้าศึกทราบกำลังได้โดยชัดเจนว่ามีมากน้องเพียงไร
แต่ต่อนั้นมาผู้บังคับบัญชาก็ได้ระวังระไวโดยกวดขัน
คือให้ยิงเฉภาะแต่ที่แลเห็นข้าศึก
ต่อนั้นมาก็เปนการเรียบร้อยดี
ข้างสีน้ำเงินก็ได้รุกเข้ามาเปนลำดับ
พอได้ที่มั่นคันนาพอสมควรจึงได้ยึดไว้
และได้สั่งให้คนไปแจ้งแก่กองใหญ่
ให้ทราบว่าข้าศึกขยายกำลังอยู่ตามแนวคลองตลอด
กองใหญ่จึ่งได้เลื่อนขึ้นมาใกล้ข้าศึกเข้าอีกประมาณ
๒๐ เส้น กับได้ส่งกองช่วยประมาณ ๒
หมวดขึ้นมาสมทบกองลาดตระเวนน่า
เพื่อลวงข้าศึกว่าจะหักโหมเข้าบุกรุกทางด้านน่า
ครั้นข้างฝ่ายสีดินแดงเห็นกองช่วยยกหนุนขึ้นมาสมทบก็ได้ยิงตลอดแนวรบอีกเรื่อยๆ
ไป ทั้ง ๒ ฝ่ายก็ได้ยิงโต้ตอบกันเปนสามารถ
ข้างฝ่ายสีน้ำเงินได้ส่งพลเสือป่าคน ๑
ให้ลงไปหยั่งน้ำในคลองน่าแนวรบว่า
จะตื้นลึกเพียงไร ตอนนี้เข้าใจว่าจะ เปนกลศึก คือ
ประสงค์จะให้ฝ่ายสีดินแดงเข้าใจว่ากองใหญ่จะยกข้ามคลองมาทางนั้น
ในระหว่างที่ส่งคนไปหยั่งน้ำนั้นกองใหญ่ได้เลื่อนกองมาทางทิศเหนือ
คือทางด้านขวาของตัวเอง
หวังจะข้ามคลองเข้าโจมตีข้าศึกทางปีกซ้าย
แต่ข้างฝ่ายสีดินแดงรู้ท่วงที ได้ส่งเสือป่า ๒
หมวดจากกองหนุนใหญ่ไประวังทางด้านปีกซ้ายเปนสามารถ
ครั้นเวลาประมาณ ๒ โมงเช้า
ข้างฝ่ายสีน้ำเงินจึงได้ยกกองใหญ่ข้ามคลองบุกรุกเข้าประจัญบาน
หมวดนำ ๑ หมวดได้ข้ามคลองขึ้นไปได้
ข้างฝ่ายสีดินดงได้ยิงระดมต้านทานอยู่
หมวดนำที่ได้ขึ้นไปได้นั้น
กรรมการจึงได้วินิจฉัยว่าย่อยยับทั้งสิ้น
จึงได้สั่งเป่าแตรเลิกรบ
เสือป่ารวมกองตั้งแถวข้างถนนไทรบุรีข้ามสพานคลองสำโรงมาทางทิศใต้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินตรวจพลผ่านแถว
เสือป่าถวายวันทยาวุธแลไชโย
เมื่อสุดแถวเสือป่าแล้วทรงรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับสู่ตำหนักเขาน้อย |