โดย อ.วรชาติ มีชูบท

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ ๑ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๑ - | ๑ - ๑๐ | ๐๑ - ๑๒ | ๒๑ - ๑๔ |

| ๑๔๑ - ๑๕๙ |

ก่อนหน้า  |  ๑๓๑  |  ๑๓๒  |  ๑๓๓  |  ๑๓๔  |  ๑๓๕  |  ๑๓๖  |  ๑๓๗  |  ๑๓๘  |  ๑๓๙  |  ๑๔๐  |  ถัดไป  |

 

๑๓๕. ชีวิตที่เลือกได้ (๒)

 

 

 

          มูลเหตุที่ทำให้เกิดสะพานลอยที่มีทางขึ้นลงเฉพาะในพื้นที่โรงเรียนนั้น ก็เนื่องมาจากสมัยก่อน เวลาเช้าหลังจากรับประทานอาหารเช้าในวันจันทร์ - วันเสาร์แล้ว นักเรียนชั้นประถม ๖ - ๗ จะต้องเดินแถวจากคณะเด็กเล็กข้ามถนนไปสวดมนต์ที่หอประชุม ส่วนนักเรียนชั้นประถม ๓ - ๕ ทั้งสามคณะคงรวมกันสวดมนต์ที่ศาลาหลังคณะเด็กเล็ก ๑ สำหรับวันอาทิตย์นักเรียนคณะเด็กเล็กทุกชั้นจึงไปร่วมประชุมสวดมนต์ทำวัตรเช้าฟังธรรมหรือโอวาทบนหอประชุมพร้อมกับนักเรียนคณะโตทั้งโรงเรียน

 

          ในการเดินแถวไปสวดมนต์บนหอประชุมในช่วงเวลานั้น นักเรียนคณะเด็กเล็ก ๑ - ๒ (คณะสนามจันทร์ - นันทอุทยาน) เดินออกทางประตูคณะเด็กเล็กเล็ก ๑ ข้ามถนนสุโขทัยไปเข้าประตูคณะผู้บังคับการ ส่วนคณะเด็กเล็ก ๓ (คณะสราญรมย์) เดินออกทางประตูคณะเด็กเล็ก ๓ เข้าประตูคณะพญาไท และขากลับก็เดินกลับทางเดิม

 

 

มุมหนึ่งของสะพานลอยข้ามถนนสุโขทัย

 

 

          เมื่อซ่อมหอประชุมครั้งใหญ่แล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๐๙ โรงเรียนได้กำหนดให้นักเรียนคณะเด็กเล็กทั้งสามคณะข้ามมาสวดมนต์บนหอประชุมทุกวันที่อยู่โรงเรียน ในการเดินข้ามถนนในเวลานั้นรถยนต์ยังวิ่งกันไม่เร็ว เพราะเวลานั้นถนนสุโขทัยใยังคงเป็นถนนสองเลนที่รถยนต์วิ่งสวนกันไปมาได้เพียงฝั่งละ ๑ ช่องทาง สองข้างถนนเป็นต้นมะขามปลูกเรียงรายตลอดแนวคลองสองฝั่งถนน ต่อมาราว พ.ศ. ๒๕๑๓ มีการขยายถนนสุโขทัยเป็นถนนขนาด ๖ ช่องทางจราจรไม่มีเกาะกลางถนน รถยนต์จึงวิ่งกันด้วยความเร็ว จนวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนนักเรียนที่กำลังเดินข้ามถนนได้รับบาดเจ็บ โรงเรียนและสมาคมนักเรียนเก่าฯ จึงได้หารือกันจัดสร้างสะพานลอยนี้ขึ้น และเนื่องจากความเป็นมาของสะพานลอยข้ามถนนสุโขทัยนี้เกี่ยวพันโดยตรงกับพี่ปิ๋ง จึงมีนักเรียนเก่าที่เป็นศิษย์รักของพี่ปิ๋งคนหนึ่งเสนอความเห็นมาว่า ควรจะขนานนามสะพานนี้ว่า “สะพานชัยอนันต์” เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่พี่ปิ๋งผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในการทำให้เกิดสะพานนี้

 

          ภายหลังงานฉลองการรวมโรงเรียนในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๑๙ แล้ว ผู้เขียนกับพี่ปิ๋งก็ห่างเหินกันไปด้วยหน้าที่การงานที่ต่างกัน ตราบจน พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้มีการประชุมหารือกันระหว่างผู้แทนสมาคมนักเรียนเก่าฯ กับที่ชุมนุมนักเรียนเก่าโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประกอบด้วยนักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวง ราชวิทยาลัย มหาดเล็กหลวงเชียงใหม่ และพรานหลวง จนได้ข้อยุติว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้รวมโรงเรียนราชวิทยาลัยเข่ากับโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๙ คราวนั้นโรงเรียนมหาดเล็กหลวงมิได้ถูกยุบเลิกไป หากแต่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามเป็นวชิราวุธวิทยาลัย ฉะนั้นจึงต้องถือเอาวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ ซึ่งเป็นวันที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงเปิดการเรียนการสอนที่ตึกยาวริมประตูพิมานชัยศรี ในพระบรมมหาราชวัง เป็นวันพระราชทานกำเนิดวชิราวุธวิทยาลัยที่ถูกต้องตามประวัติศาสตร์

 

          ตอนที่ตกลงกันเรื่องวันพระราชทานกำเนิดโรงเรียนคราวนั้น โรงเรียนเพิ่งจะมีอายุครบ ๖ รอบปีนักษัตร หรือ ๗๒ ปี เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ไปไม่นาน เรือเอกโรจน์ ไกรฤกษ์ ซึ่งท่านเป็นทั้งนักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวงและวชิราวุธวิทยาลัย และพี่หน่อ ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน ซึ่งเวลานั้นเป็นกรรมการสมาคมนักเรียนเก่าฯ จึงได้นำเสนอให้สมาคมนักเรียนเก่าฯ เป็นเจ้าภาพจัดงานฉลองอายุวชิราวุธวิทยาลัย ผ่าน ๖ รอบ ในวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ แทนการฉลอง ๖ รอบปีนักษัตรที่ผ่านพ้นไปแล้ว คณะกรรมการสมาคมฯ จึงมีมติมอบหมายให้พี่หน่อ ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน เป็นผู้อำนวยการจัดงานฉลอง

 

 

อนุมานวสาร วาราสารรายเดือน

ของชมรมนักเรียนเก่าโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

 

คำประพันธ์ของนักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวง หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

แสดงความหมายของชื่อวารสาร มานวสาร

 

 

          เนื่องจากกำหนดเวลาจัดงานกระชั้นชิดเข้ามา แต่พี่น้องนักเรียนเก่าฯ เกือบทั้งหมดยังไม่ทราบข่าวและความสำคัญของวันพระราชทานกำเนิด พี่หน่อจึงได้ไปเรียนปรึกษาพี่ปิ๋งถึงการประชาสัมพันธ์และการเตรียมการจัดงาน เมื่อพี่ปิ๋งทราบวัตถุประสงค์โดยตลอดแล้วในชั้นต้นพี่ปิ๋งได้นัดหมายพี่หน่อและผู้เขียนมาหารือกันเมื่อตอนเย็นวันหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๖ เพื่อเตรียมการออกจดหมายข่าวของสมาคมนักเรียนเก่าฯ เพื่อเร่งประชาสัมพันธ์การจัดงานในเวลาที่เหลืออีกเพียงเดือนเศษ

 

          ในการหารือกันในวันนั้น พี่ปิ๋งเป็นผู้เสนอว่าจดหมายข่าวนี้ควรจะมีชื่อที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่าเป็นข่าวสารจากสมาคมนักเรียนเก่าฯ พี่หน่อจึงนำเสนอว่า ในเมื่อชมรมนักเรียนเก่าโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเปรียบเสมือนบรรพชนของนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยมีการออกวารสารชื่อ “มานวสาร” เป็นจดหมายข่าวของชมรมฯ อยู่แล้ว แต่หากสมาคมฯ จะฝากข่าวไปกับมานวสารอาจจะไม่ทันการ เพราะมานวสารมีกำหนดออกเป็นรายเดือน แต่จดหมายข่าวของสมาคมฯ จะต้องรีบเผยแพร่ให้ทันกำหนดจัดงานในช่วงปลายเดือนธันวาคม พี่หน่อจึงเสนอให้ใช้ชื่อจดหมายข่าวของสมาคมฯ ว่า“อนุมานวสาร” เป็นการล้อนาม “มานวสาร” ของชมรมนักเรียนเก่าฯ ภายหลังจากพี่ปิ๋งและพี่หน่อถกกันเรื่องชื่อต่อมาอีกพักใหญ่ ในที่สุดจึงตกลงกันให้ใช้ชื่อ “อนุมานวสาร” เป็นจดหมายข่าวของสมาคมนักเรียนเก่าฯ แล้วอนุมานวสารฉบับแรกก็ถือกำเนิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๖ ในรูปสำเนาเอกสาร (โรเนียว) โดยพี่หน่อรับหน้าที่เป็นทั้งบรรณาธิการและผู้เขียนบทความ แล้วจึงต่อภาระนั้นให้ผู้เขียนรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการต่อมา

 

 

(จากซ้าย) ดร.ชัยอนันต์  สมุทวณิช วิโรจน์  นวลแข ม.ล.ชัยนิมิตร  นวรัตน

 

 

          อนุมานวสารฉบับใบปลิวอัดสำเนา (โรเนียว) ส่งตรงถึงสมาชิกสมาคมนักเรียนเก่าฯ ทุกคนที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนสมาคมฯ ตามรายสะดวกของผู้จัดทำต่อมาได้อีกชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วก็หยุดไป จนมีนักเรียนเก่าฯ ที่เป็นศิษย์ของพี่ปิ๋งจบการศึกษาจากโรงเรียนมาแล้ว ม.ล.จิรเศรษฐ ศุขสวัสดิ์ ซึ่งเวลานั้นเป็นกรรมการและสาราณียกรในคณะกรรมการสมาคมนักเรียนเก่าฯ จึงได้ชวนน้องๆ ที่เป็นศิษย์พี่ปิ๋งซึ่งเวลานั้นกำลังศึกษากันอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ มาช่วยกันฟื้นฟูอนุมานวสารอีกครั้ง

 

          อนุมานวสารในยุคทีมงานศิษย์พี่ปิ๋งนี้เป็นยุคที่ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้อ่านมากที่สุด มีอาทิตย์ ปราสาทกุล เป็นบรรณาธิการ แล้วส่งมอบให้ กิตติเดช ฉันทังกูล รับช่วงเป็นบรรณาธิการต่อมา ทั้งนี้สามารถกล่าวได้เต็มปากว่า พี่ปิ๋ง ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช นอกจากจะเป็นผู้ร่วมก่อร่างสร้างอนุมานวสารมาตั้งแต่แรกถือกำเนิดใน พ.ศ. ๒๕๒๖ แล้ว ยังเป็นผู้มีร่วมสนับสนุนอย่างสำคัญที่ทำให้อนุมานวสารคงสถานะเป็นจดหมายข่าวของสมาคมนักเรียนเก่าฯ ที่ประสานสัมพันธ์ของนักเรียนเก่าฯ ต่อเนื่องกันมาถึงปัจจุบัน

 

 
 
 

 

 

 

ก่อนหน้า  |  ๑๓๑  |  ๑๓๒  |  ๑๓๓  |  ๑๓๔  |  ๑๓๕  |  ๑๓๖  |  ๑๓๗  |  ๑๓๘  |  ๑๓๙  |  ๑๔๐  |  ถัดไป  |

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ ๑ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๑ - | ๑ - ๑๐ | ๐๑ - ๑๒ | ๒๑ - ๑๔ |

| ๑๔๑ - ๑๕๙ |