โดย อ.วรชาติ มีชูบท

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |

| ก่อนหน้า | ๑๒๑ | ๑๒๒ | ๑๒๓ | ๑๒๔ | ๑๒๕ | ๑๒๖ | ๑๒๗ | ๑๒๘ | ๑๒๙ | ๑๓๐ | ถัดไป |

 

๑๒๗. ราชสำนักฝ่ายใน สมัยรัชกาลที่ ๖ ()

 

          ต่อมามีเหตุให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลิกรากับสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี แล้วทรงราชาภิเษกสมรสใหม่กับเจ้าจอมสุวัทนา พระสนมเอกเแล้ว ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี เสด็จไปประทับ ณ พระที่นั่งวิมารเมฆ พระราชวังดุสิต พร้อมด้วยคุณพนักงานและข้าหลวงในพระองค์ ส่วนเจ้าจอมสุวัทนา เมื่อได้มารับราชการในพระองค์และทรงพระครรภ์ใกล้จะมีพระประสูติการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศเป็นพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี เพื่อผดุงพระเกียรติยศแห่งพระราชกุมาร

 

          แต่เมื่อพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ถวายพระประสูติสมเด็จพระราชธิดา [] ในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘ รุ่งขึ้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็เสด็จสวรรคต เป็นอันสิ้นสุดพระราชสำนักฝ่ายในในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวลงเพียงเท่านั้น

 

          อนึ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงหมั้นและราชาภิเษกด้วยพระคู่หมั้นและพระมเหสีทั้ง ๕ พระองค์มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๓ นั้น เมื่อพระองค์ใดได้ครองราชสำนักฝ่ายใน ก็จะโปรดให้พระญาติและข้าหลวงในพระองค์มาประจำรับใช้เป็นการส่วนพระองค์ในพระราชฐานชั้นใน แต่เมื่อทรงสถาปนาพระอินทราณี เป็นพระวรราชชายานั้น นอกจากจะทรงมีพระญาติในราชินกุลสุจริตกุลและคุณสมบุญ ชินะโชติเป็นคุณข้าหลวงใหญ่ประจำพระองค์แล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้โปรดเกล้าฯ ให้กุลธิดาและกุลบุตรที่ยังเยาว์วัยมาปฎิบัติหน้าที่เป็นข้าหลวงและมหาดเล็กในพระองค์อีกหลายคน อาทิ คุณเชื่อม อจลบุญ คุณมาละตี กาญจนาคม คุณกมะลา สุทธสินธุ์ [] คุณสุรภี สุจริตกุล และคุณเจรียง อากาศวรรธนะ จากนั้นจึงมีผู้นำกุกุลธิดามาถวายตัวเป็นข้าหลวงเรือนนอก ข้าหลวงเรือนในเพิ่มขึ้น "ข้าหลวงเรือนนอกถวายตัวแล้วกลับไปอยู่บ้านได้จนกว่าจะมีพระราชประสงค์ ทรงใช้ก็เรียกเข้ามาเป็นครั้งคราว เรือนในถวายตัวแล้วด้วยดอกไม้ธูปเทียนแพ ก็อยู่ในพระราชวังที่ประทับเลย"  []

 

 

ตึกที่ทำการกรมวังที่หน้าประตูพระราชวังพญาไท

 

 

          ครั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระวรราชชายาเธอ พระอินทรศักดิศจี เป็นสมเด็จพระนางเจ้าอินทศักดิศจี พระบรมราชินีแล้ว "องค์ล้นเกล้าล้นกระหม่อมท่านก็ทรงเรียกคุณพนักงานออกมาจากในพระราชวังหลวง ๖ คนซึ่งเป็นข้าของสมเด็จพระพันปีหลวงท่านทรงนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายตัวต่อรัชกาลที่ ๕ และอยู่ในวังหลวงมาแต่บัดนั้น"  [] มาประจำรับราชการในสมเด็จพระบรมราชินี โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวพิทักษ์อนงค์นิกร (ลม้าย) เป็นท้าวนางผู้ใหญ่กำกับดูแลราชการต่างๆ ในพระราชสำนักฝ่ายใน กับโปรดเกล้าฯ ให้มีเจ้ากรม ปลัดกรม และสมุห์บัญชีขอเฝ้าประดับพระเกียรติยศมีราชทินนามเดียวกับเจ้ากรม ปลัดกรม และสมุห์บัญชีขอเฝ้าในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวงแต่บรรดาศักดิ์ต่ำกว่ากัน ๑ ขั้น คือ พระอรรคเทวินทรามาตย์ (หอม สุจริตกุล) เจ้ากรม หลวงรัตนนาฎนิจภักดี (สาย เปาโรหิตย์) ปลัด ขุนวรเทพีพลารักษ์ (แม้น จวบสินเอี่ยม) สมุห์บัญชี มั้งสามคนนี้ผลัดกันทำหน้าที่เวรกรมวังประจำการร่วมกับโขลนซึ่งเป็นข้าราชการฝ่ายใน ที่ตึกหน้าประตูพระราชวังพญาไท

 

          ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คุณข้าหลวงในสมเด็จพระบรมราชินีที่ได้ฝึกหัดปฏิบัติข้อราชการในพระราชสำนักฝ่ายในจนคล่องแคล่วดีแล้ว จำนวน ๑๒ คน มี ๑ ปลอบ สุจริตกุล ๒ สุคนธ์ สุจริตกุล ๓ สมบุญ ชินะโชติ ๔ เชื่อม อจลบุญ ๕ มาละตี กาญจนาคม ๖ สวง วิเศษศิริ ๗ กมะลา สุทธสินธุ์ ๘ สุภัทรา สิงหลกะ ๙ สนาน เกตุทัต ๑๐ อารมณ์ อมาตยกุล ๑๑ อาบ วิเศษกุล ๑๒ เจรียง อากาศวรรธนะ ถวายตัวเข้ารับราชการเป็นคุณพนักงานฝ่ายในรับราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

          ถึงวันกำหนดถวายตัว คุณข้าหลวงทั้ง ๑๒ คนที่จะถวายตัวหมอบเป็นแถวหน้ากระดานเรียงตามผู้ใหญ่เด็กที่บนท้องพระโรงพระที่นั่งศรีสุทธนิวาส พระราชวังพญาไท

 

          "มีคุณท้าวคนหนึ่งมาจากในวังหลวงนั่งคู่กันกับคุณท้าวพิทักษ์อนงค์นิกรซึ่งอยู่ประจำพระองค์สมเด็จฯ พระราชินี คอยกราบบังคมทูลขานชื่อ เบิกตัว ผู้ที่จะถวายตัวอยู่ พอได้เวลาล้นเกล้าฯ สมเด็จทั้งสองพระองค์เสด็จมาถึง คุณท้าว ขานชื่อใครคนนั้นก็ยกพานดอกไม้ธูปเทียนทูลเกล้าฯถวายและหมอบกราบ องค์ล้นเกล้าฯ กฌทรงโปรดพระราชทานของมีเงินใส่ถุงผ้าขาว ๕ ตำลึงผ้าแพรห่มจีบ ๒ ผิน ผ้าลายจีบ ๒ ผืน ต่อ ๑ คนจนหมดทุกคน

 

          นับแต่วินาทีนั้นทุกคนก็มีฐานะเป็นข้าราชบริพาร ข้าราชการฝ่ายในมีคำนำหน้าว่า "คุณ" โดยตำแหน่ง... มีเบี้ยหวัด เงินเดือนในตำแหน่งราชการต่างๆ กัน"  []

 

          คุณพนักงานเหล่านี้มีหน้าที่ถวายการรับใช้ตามหน้าที่ทั้งถวายอยู่งานนวด อยู่งานพัด อ่านหนังสือถวาย หรือการอื่นๆ สุดแต่จะทรงใช้สอยเช่นเดียวกับมหาดเล็ก ในเวลาว่างจากการถวายงานก็ต้องทำงานฝีมือ เช่น การร้อยมาลัย แกะสลักผักผลไม้ รวมทั้งต้องเรียนหนังสือทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ส่วนคุณพนักงานที่เป็นเวรห้องพระบรรทมวันละ ๒ คนนั้น มีหน้าที่ทำความสะอาดห้องพระบรรทม ห้องสรง และเป็นเวรนอนหน้าห้องพระบรรทมเช่นเดียวกับมหาดเล็กห้องพระบรรทม

 

 

ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

(จากซ้าย) เจ้าพระยารามราฆพ หรือ "เจ้าคุณปู่", เด็กชายบัว ศจิเสวี มหาดเล็กรุ่นจิ๋ว

และคุณอาบ วิเศษกุล (คุณหญิงอรุณธดี จารุดุล)

 

 

          นอกจากนั้นในราชสำนักฝ่ายในของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี ยังมีหม่อมเจ้าและเด็กผู้ชายถวายตัวเป็นมหาดเล็กรุ่นเล็กอีกหลายองค์และหลายคน มหาดเล็กรุ่นเด็กนี้โปรดเกล้าฯ ให้ไปเล่าเรียนอยู่ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง จะกลับมาค้างที่วังก็แต่ฌพาะวันหยุดของโรงเรียน มหาดเล็กเหล่านี้จึงไม่ปรากฏว่าได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ประจำ ส่วนมหาดเล็กที่อยู่ประจำในราชสำนักฝ่ายในเพราะยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าเรียนอีกคนหนึ่ง คือ เด็กชายบัว ศจิเสวี มหาดเล็กรุ่นจิ๋ว ซึ่งรับสั่งเรียกว่า "ลูกบัว" นั้น มีหน้าที่ "เพียงแต่คอยเฝ้าอยู่แทบพระบาท สุดแต่สมเด็จ ฯ จะโปรดทรงใช้สอยอะไรก็ทำตามรับสั่ง"  [] และเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทว่า เด็กชายบัวสามารถอ่านหนังสือถวายสมเด็จพระบรมราชินีได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เด็กชายบัวไปอ่านหนังสือถวายที่ห้องทรงพระอักษร แล้วเลยมีพระราชดำรัสสั่งให้เด็กชายบัว "บีบที่พระเพลา (ขา) และพระบาท แต่โดยที่มือผมไม่มีกำลังพอที่จะบีบนวดถวายได้แรงพอ ท่านจึงมีพระราชดำรัสให้ผมกำมือแล้วทุบบนพระเพลาเรื่อยลงไปจนถึงพระบาท บางครั้งผมก็ทุบถวายจนพระองค์ท่านทรงพระบรรทมหลับไป"  []

 

          อนึ่ง เนื่องจากราชสำนักในสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น ยังคงแบ่งพื้นที่ในราชสำนักเป็นฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ฉะนั้นในงานพระราชพิธี เช่น งานพระราชพิธีฉัตรมงคล พระราชพิธีเฉลิมพระชนม์พรรษา ฯลฯ พระบรมวงศ์และข้าราชการฝ่ายหน้าคงเฝ้าฯ ตามตำแหน่งในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย หรือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ส่วนพระบรมวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในคงเฝ้าฯ ตามตำแหน่งอยู่ที่ท้องพระโรงพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน หรือที่พระที่นั่งพิมานรัตยาซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน เมื่อเสร็จพระราชกิจทางฝ่ายหน้าแล้วจึงเสด็จออกทางฝ่ายใน ซึ่งการเฝ้าฯ ทางฝ่ายในก็มีการจัดลำดับตำแหน่งเฝ้าฯ ดังที่หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงบรรยายไว้ในพระราชวงศ์จักรี ตอน "ผู้เขียน" ว่า

 

          "ตามธรรมดาราชสำนักไทย, แยกกันเฝ้าเป็นฝ่ายหน้าฝ่ายในทุกแห่ง, และที่นั่งก็แบ่งกันเป็นหมู่ๆ. ทางฝ่ายในแบ่งเป็น ๒ หมู่ข้างทางเสด็จพระราชดำเนินและที่พระราชอาสน์. ทางขวาเจ้านายในพระราชวงษ์ประทับเริ่มแต่สมเด็จพระมเหสีแล้วพี่นางน้องนาง, พระราชธิดา, พระราชนัดดา, เรียงมาตามตำแหน่งพระบิดาและพระชนมายุ, ทางหมู่ซ้ายเริ่มต้นตั้งแต่เจ้าคุณพระประยูรวงษ์ (ในรัชกาลที่ ๗ พระมเหสีรัชกาลที่ ๖ นั่งเรียงกันแถวหน้า) เจ้าจอมมารดา, เจ้าจอมและหม่อมเจ้านาย (in - law) ต่างๆ ของพระราชวงษ์ อีกแห่งหนึ่งก็แบ่งเป็น ๒ หมู่ๆ หนึ่งท้าวนางพนักงานฝ่ายในที่ทำราชการอยู่ในพระราชวัง, และอีกข้างหนึ่งเป็นที่ภรรยาข้าราชการเข้าเฝ้า. ต่างหมู่ต่างมีผู้นำและรู้ตำแหน่งเรื่องราวเรียบร้อยกันมาช้านาน, แม้ถึงในรัชกาลที่ ๖ เมื่อพระมเหสีเป็นผู้ที่ไม่รู้ขนบธรรมเนียม อะไรก็ไม่สู้จะยุ่งยากมาก เพราะไม่ค่อยจะได้มาทุกงาน. จนถึงรัชกาลที่ ๗ พวกนักเรียนนอก demand ให้พวกเมียเสมอกับตัวอย่างธรรมเนียมฝรั่ง, พวก in - law ที่ไม่รู้เรื่อง Court ก็มีมากขึ้น, จึงชักรวนเรไม่เป็นระเบียบแบบแผนมาจนปัจจุบัน."  []

 

          นับแต่นั้นมาธรรมเนียมการแยกฝ่ายหน้าและฝ่ายในจึงเริ่มผ่อนคลายลง พระบรมวงศ์และข้าราชการทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายในต่างก็เปลี่ยนมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพร้อมกันในเวลาเสด็จออกมามหาสมาคม โดยมิได้แยกเป็นฝ่ายหน้าและฝ่ายในดังเช่นกาลก่อน

 

 

 


[ ]  ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระราชธิดาในสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชพระองค์นี้ว่า "สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี" และเฉลิมพระนามเป็น "สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี" ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมนรามาธิบดินทร์

[ ]  ต่อมาสมรสกับนายกวด หุ้มแพร (โต สุจริตกุล)

[ ]  คุณเจรียง ลัดพลี. รำลึกพระมหากรุณาธิคุณ, หน้า ๓๗.

[ ]  รำลึกพระมหากรุณาธิคุณ, หน้า ๑๕.

[ ]  รำลึกพระมหากรุณาธิคุณ, หน้า ๑๓ - ๑๔.

[ ]  ปกิณกะนิพนธ์ของ "บัวบาน". หน้า ๑๕.

[ ]  ปกิณกะนิพนธ์ของ "บัวบาน". หน้า ๑๖.

[ ]  หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล. พระราชวงศ์จักรี, หน้า ๓๔๗.
 

 

 

ก่อนหน้า  |  ๑๒๑  |  ๑๒๒  |  ๑๒๓  |  ๑๒๔  |  ๑๒๕  |  ๑๒๖  |  ๑๒๗  |  ๑๒๘  |  ๑๒๙  |  ๑๓๐  |  ถัดไป  |

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |