โดย อ.วรชาติ มีชูบท

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ ๑ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๑ - | ๑ - ๑๐ | ๐๑ - ๑๒ | ๒๑ - ๑๔ |

| ๑๔๑ - ๑๕๙ |

ก่อนหน้า  |  ๒๑  |  ๒๒  |  ๒๓  |  ๒๔  |  ๒๕  |  ๒๖  |  ๒๗  |  ๒๘  |  ๒๙  |  ๓๐  |  ถัดไป  |

 

๒๒. ประเพณีและพิธีไหว้ครู (๓)

 

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์แฟนซี เป็น “พระรามผนวช”

“คือนุ่งห่มอย่างฤษี แต่มีใส่เกราะเงิน และถือธนู”

ในการเลี้ยงแต่ง “แฟนซี” ที่พระที่นั่งภานุมาศจำรูญ (พระที่นั่งบรมพิมาน)

ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนม์พรรษา

วันเสาร์ที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๖

 
 

          และบัดนั้นเองเสียงมาจากเจ้าคุณครูว่า "ช้า ช้า มหาบพิตร ทรงหยุดไว้ก่อน" ทุกคนพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอกจนได้ยินถนัด ล้นเกล้าฯ ประทับยืนนิ่งด้วยพระพักตร์และพระอิริยาบถดุษณีย์ เสียงจากเจ้าคุณครูต่อไป พร้อมด้วยเดินเข้าไปเฝ้าด้วยท่าทางอย่างมหาฤาษีแบบละคร พลางปากก็ถวายพระพรวิงวอนต่อไปว่า "ดูกรมหาบพิตร ผู้ทรงพระคุณธรรมอันประเสริฐ มันผู้นี้ (ชี้มือไปที่หลวงยง) มีความผิดขั้นอุกฤษฐ์โทษ แต่มันเป็นศิษย์อาตมา ที่ทำไปก็ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา อาตมาขอพระราชทานอภัยเสียเถิด ขอพระราชทานชีวิตไว้เพื่อจักได้เป็นมิ่งขวัญอันศุภมงคลแก่พระราชพิธีสืบไป ขอถวายพระพร" ครั้นแล้วล้นเกล้าฯ จึงมีพระราชดำรัสตอบว่า "พระคุณเจ้า ผู้บรมครู รูปขอถวายชีวิตมันผู้นี้แด่พระคุณ เพื่อบูชาคุณ ณ กาลบัดนี้" ทรงผินพระพักตร์ไปทางหลวงยง "มึงจงคิดถึงคุณครูตราบเท่าชีวิตของมึง ราชมัณฑ์ปล่อยตัวเป็นอิสสระไปได้ และให้มันรำเพลงถวายครู" แล้วก็พระราชทานพระบรมราโชวาทตามสมควร พนักงานสนมพลเรือนแก้มัด หลวงยงลงนั่งถวายบังคม แล้วร้องไห้ด้วยความยินดี แล้วคลานเข้าไปกราบที่เท้าเจ้าคุณครู เจ้าคุณครูปลอบโยนให้โอวาท แล้วสั่งให้รำเพลงช้า เมื่อพนักงานได้ประคบประหงมนวดทาแข้งขาด้วยน้ำมันพอสมควรแล้ว หลวงยงก็ออกรำ และรำได้อย่างสุดฝีมือ สมชื่อว่า "ยงเยี่ยงครู" ฉะนั้น

 

          ต่อจากนั้นก็ทำพิธีไหว้ครูและครอบต่อไป ในที่สุดโปรดเกล้าฯ ให้พระยาราชวังเมือง [] เจ้ากรมช้างต้นออกรำโพนช้างด้วยเชือกบาศก์และรำของ้าว อันเป็นพิธีของพราหมณ์พฤฒิบาศก์ส่วนหนึ่ง และโปรดให้ตัวโขนละครที่สำคัญได้ครอบด้วยเชือกบาศก์สำหรับคล้องช้างนั้นด้วย อันจัดว่าเป็นการครอบที่สูงสุดของการทำพิธีครอบโขนละคร ซึ่งว่ากันว่า คุ้มเกรงรักษามิให้เกิดเสนียดจัญไรแก่ผู้เป็นนักรำอย่างสูงสุด []

 

          นับจากนั้นมาก็ไม่ปรากฏว่า ได้โปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพิธีไหว้ครูและครอบครูนาฏดุริยางคศิลปินในพระราชสำนักอีกเลยตราบจนสิ้นรัชกาล

 

          นอกจากพิธีไหว้ครูโขนละครดังได้กล่าวแล้ว  เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น  เทพหัสดิน ณ อยุธยา) กรรมการจัดการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงจัดการตั้งโรงเรียนมหาดเล็กหลวงขึ้นที่โรงเรียนราชกุมารเก่า ในพระบรมมหาราชวังเมื่อวันที่  ๒๙  ธันวาคม  พ.ศ. ๒๔๕๓ นั้น  ก่อนจะเริ่มการเล่าเรียนเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีก็ได้จัดให้นักเรียนไหว้ครูเป็นครั้งแรก  ดังมีความปรากฏในหนังสือที่เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีกราบบังคมทูลพระกรุณาเมื่อวันที่  ๑๑  มกราคม  พ.ศ. ๒๔๕๓ ความตอนหนึ่งว่า

 

          "จำเดิมแต่ข้าพระพุทธเจ้าได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ให้เปิดการสอนที่โรงเรียนราชกุมาร ข้าพระพุทธเจ้าก็ได้เลือกและรับครูจากกรมศึกษาธิการ ๓ คน คือ นายสอน [] นายสนั่น []นายทองอยู่ ซึ่งเปนครูมีประกาศนียบัตร์ทั้ง ๓ คน เริ่มการสอนในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ ๒๙ ธันวาคม ซึ่งเปนวันพฤหัศบดีวันครู ข้าพระพุทธเจ้าได้ประชุมนักเรียนทั้งหมดเวลา ๔ โมงเช้า กล่าวเตือนใจให้รู้สึกพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ และให้เข้าใจหน้าที่ที่จะต้องตั้งใจสวามิภักดิ์จงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และตั้งใจแสวงความอบรมอันดี ทำตัวให้สมควรแก่ที่จะรับราชการใกล้ชิดสนองพระเดชพระคุณสืบไปเบื้องหน้า ให้สมแก่ที่ได้ทรงพระมหากรุณาชุบเลี้ยงมีพระเดชพระคุณเปนล้นเกล้าฯ หาที่สุดมิได้ เมื่อชี้แจงเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนทั้งหลายได้บ่ายหน้าสู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมกันกระทำใจระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และถวายคำนับแล้วนั่งลงยังที่ ต่อนี้ไปได้ทำพิธีไหว้ครูตามธรรมเนียมของกรมศึกษาธิการ คือให้นักเรียนจุดธูปเทียนบูชาที่โต๊ะหนังสือ ซึ่งจัดตั้งไว้โดยเฉภาะ แล้วให้นักเรียนอ่านคำไหว้ครูด้วยกิริยาเคารพ ต่อนั้นไปก็ได้เริ่มการสอนเปนลำดับมา"  []

 

          บทไหว้ครูของกรมศึกษาธิการ กระทรวงธรรมการที่นักเรียนมหาเล็กหลวงได้อ่านในพิธีไหว้ครูเมื่อแรกเปิดโรงเรียนวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ นั้นมีเนื้อความดังนี้

 

ปาเจราจริยา โหนฺติ คุณุตฺตรานุสาสกา

 

 

          อนึ่งข้าคำนับน้อม

ต่อพระครูผู้การุณ

โดยเอื้อและเจือจุน

อนุสาสน์ทุกสิ่งสรรพ์

          ยังบทราบก็ได้ทราบ

ทั้งบุญบาปทุกสิ่งอัน

ชี้แจงและแบ่งปัน

ขยายอัตถ์ให้ชัดเจน

          จิตต์มากด้วยเมตตา

และกรุณาบเอียงเอน

เหมือนท่านมาแกล้งเกณฑ์

ให้ฉลาดและแหลมคม

          ขะจัดเขลาบรรเทาโม

หะจิตต์มืดที่งุนงม

กังขา ณ อารมณ์

ก็สว่างกระจ่างใจ

          คุณส่วนนี้ควรนับ

ถือว่าเลิศ ณ แดนไตร

ควรนึกและตรึกใน

จิตต์น้อมนิยมชม

         

 

ปญฺญญาวุฑฒิกเร เต เต ทินฺวาเท นมามิหํ

 

          การไหว้ครูของนักเรียนมหาดเล็กหลวงและวชิราวุธวิทยาลัยในเวลาต่อมา จะมีรูปแบบและวิธีการอย่างไรไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่เมื่อพระยาภะรตราชาได้รับพระมหากรุณาให้มาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยแล้ว ได้ริเริ่มจัดให้มีพิธีไหว้ครูขึ้นอีกครั้งในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒

 

          พิธีไหว้ครูของนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งได้ปฏิบัติต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้ เริ่มจากคนงานตีระฆังใหญ่ที่หอนาฬิกาเป็นสัญญาณเรียกนักเรียนขึ้นหอประชุม เมื่อนักเรียนแต่งเครื่องแบบและเข้านั่งประจำที่บนหอประชุมพร้อมแล้ว ผู้บังคับการและคณาจารย์แต่งกายสวมเสื้อครุยตำแหน่งหรือครุยวิทยฐานะขึ้นนั่งประจำที่พร้อมกันบนหอประชุมรอดวลาที่ประธานในพิธีจะเสด็จหรือเดินทางมาถึงในเวลา ๙.๐๐ น.

 

 

ท่านผู้บังคับการพระยาภะรตราชา เป็นประธานในพิธีไหว้ครู

(แถวหน้าจากซ้าย) ๑. คุณครูอรุณ แสนโกศิก ผู้ช่วยผู้บังคับการและผู้กำกับคณะจิตรลดา

๒. คุณครูจิต พึ่งประดิษฐ์ รองผู้บังคับการและผู้กำกับคณะพญาไท ๓. ท่านผู้บังคับการ ๔. คุณครูจำรัส จันทรางศุ

ในภาพนักเรียนกำลังหมอบกราบรำลึกพระคุณครู

 
 

          ครั้นพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ประธานองคมนตรีและอดีตนายกกรรมการอำนวยการวชิราวุธวิทยาลัย ประธานในพิธรเสด็จมาถึง หรือบางปีก็เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในตำแหน่งนายกกรรมการอำนวยการวชิราวุธวิทยาลัยเดินทางมาถึงหอประชุมแล้ว จึงเริ่มพิธีไหว้ครูโดยนักเรียนร้องเพลงมหาวชิราวุธราชสดุดี แล้วหัวหน้านักเรียนออกมานำสวดบูชาพระรัตนตรัย จบแล้วหัวหน้านักเรียนทั้ง ๗ คณะ หรือปัจจุบันมี ๙ คณะเป็นผู้แทนนักเรียนนำพานดอกไม้ธูปเทียนออกมาวางบนโต๊ะหน้าที่นั่งคณาจารย์ แล้วหัวหน้าพร้อมกันจุดธูปเทียนบูชาพระคุณครู เสร็จแล้วหัวหน้าผู้เป็นผู้แทนนักเรียนทุกคณะนำสวดสรรเสริญพระคุณครูบท "ปาเจรา จริยาโหนฺตุ" ของกระทรวงธรรมการ หรือบางปีก็เปลี่ยนไปใช้บท "ไหว้คุณครูอาจารย์" พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือบทประพันธ์ของท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล ซึ่งมีพิมพ์อยู่ในตอนท้ายหนังสือสวดมนต์ จบแล้วหัวหน้าคณะทั้งหมดลงนั้งคุกเข้ากราบแสดงความสำนึกพระคุณครู จากนั้นนักเรียนทุกคณะทยอยกันออกมากราบคุณครูทีละแถวจนครบทุกคนแล้ว ประธานประทานพระโอวาทหรือให้โอวาท จบแล้ววงจุลดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีบทพระสุบิน (สรรเสริญเสือป่า) ปิดพระวิสูตร เป็นเสร็จพิธีไหว้ครู เมื่อประธานเสด็จและเดินทางกลับ คณาจารย์และนักเรียนแยกย้ายกันลงจากหอประชุม

 
 

หัวหน้านักเรียนทั้ง ๗ คณะ นำสวดสรรเสริญพระคุณครูในพิธีไหว้ครู

 
 

          อนึ่ง ในช่วงแรกของการจัดพิธีไหว้ครูในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ นี้ ยังไม่มีการแต่งตั้งหัวหน้าคณะในพิธีไหว้ครู โดยการแต่งตั้งหัวหน้าคณะในช่วงนั้นท่านผู้บังคับการจะไปประชุมนักเรียนที่คณะต่างๆ เป็นรายคณะๆ ละวันในช่วงเดือนกรกฎาคม ต่อมาจึงรวมการแต่งตั้งหัวหน้าคณะในพิธีไหว้ครู ซึ่งจะได้กล่าวถึงในเรื่อง "หัวหน้า" ในฝากเรื่องราวไว้กับน้องๆ ในตอนต่อไป

 

 
 

 

[ ]  นามเดิม เมือง ป๋อย คชาชีวะ

[ ]  จมื่นมานิตย์นเรศ (เฉลิม เศวตนันทน์). อนุสรณ์ "ศุกรหัศน์", หน้า ๑๙๑ - ๑๙๖

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงอภิรักษ์ราชฤทธิ์ ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ฝ่ายปกครอง แล้วเลื่อนเป็นพระอภิรักษราชฤทธิ์ อาจารย์ใหญ่ และเป็นพระยาบริหารราชมานพ ผู้บังคับการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง แล้วเป็นเจ้ากรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนอนุสิษฐดรุณราช เมื่อกระทรวงธรรมการขอตัวคืน จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ใหม่เป็น ขุนนิพันธ์นิติสิทธิ์ แล้วเลื่อนเป็น หลวงนิพันธ์นิติสิทธิ์ และพระนิพันธ์นิติสิทธิ์ ตามลำดับ

[ ]  หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖ ศ.๔/๕๙ เรื่องโรงเรียนมหาดเล็กหลวง (๑๑ มกราคม ๒๔๕๓ - ๒๐ ธันวาคม ๒๔๖๗).

 

 

 

ก่อนหน้า  |  ๒๑  |  ๒๒  |  ๒๓  |  ๒๔  |  ๒๕  |  ๒๖  |  ๒๗  |  ๒๘  |  ๒๙  |  ๓๐  |  ถัดไป  |

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ ๑ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๑ - | ๑ - ๑๐ | ๐๑ - ๑๒ | ๒๑ - ๑๔ |

| ๑๔๑ - ๑๕๙ |