โดย อ.วรชาติ มีชูบท

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ ๑ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๑ - | ๑ - ๑๐ | ๐๑ - ๑๒ | ๒๑ - ๑๔ |

| ๑๔๑ - ๑๕๙ |

ก่อนหน้า  |  ๖๑  |  ๖๒  |  ๖๓  |  ๖๔  |  ๖๕  |  ๖๖  |  ๖๗  |  ๖๘  |  ๖๙  |  ๗๐  |  ถัดไป  |

 

๖๙. ตึกพยาบาล (๒)

 

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

 

          เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภกวชิราวุธวิทยาลัย ได้ทอดพระเนตรรายงานการประชุมกรรมการวชิราวุธวิทยาลัยครั้งนั้นแล้ว ได้มีพระบรมราชวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๙ ว่า

 

          "...ที่จะให้ครอบครัวพระยาปรีชาฯ เข้าไปอยู่ในพระตำหนักสมเด็จพระพันปีนั้น ฉันขัดข้อง การที่รื้อเอาพระตำหนักไปปลูกไว้ที่โรงเรียนก็ไม่เห็นด้วยขั้นหนึ่งแล้ว ยังจะให้คนเข้าไปอยู่เป็นบ้านทีเดียวจึงยอมไม่ได้เลย ที่ใช้เป็นที่พยาบาลนั้นก็พอไปได้เพราะเป็นการกุศล แต่ก็ไม่สู้ชอบอยู่แล้ว ถ้าจัดเป็นห้องสมุดจะดีกว่า ที่จะให้พระยาปรีชาฯ ไปอยู่นั้นของด... []

 

          ต่อมาวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ ได้มีพระราชกระแสพระราชทานมายังสภากรรมการจัดการวชิราวุธวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่งว่า

 

           "...เรื่องพระตำหนักสมเด็จพระพันปีหลวงนั้น ทรงรู้สึกรังเกียจในเรื่องที่มีคนไปอยู่บนนั้น จึงมีพระราชประสงค์จะรื้อมาเสีย แต่ที่ยังต้องหาที่ปลูกใหม่ไม่ได้ จึงยังให้รออยู่ ถ้ารื้อไปเมื่อใดจะปลูกเรือนพระราชทานให้ใหม่อีกหลังหนึ่งแทนที่รื้อไปนั้น ในประกาศกรมบัญาชาการกลางมหาดเล็ก ก็ปรากฏว่า พระราชทานเพื่อเป็นสถานที่สอนการวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่สำหรับให้คนอยู่บนนั้น..."  []

 

 

แบบด้านหน้าและด้านข้างตึกพยาบาล

ผลงานออกแบบของพระสาโรชรัตนนิมมานก์ (สโรช ร.สุขยางค์) และหลวงวิศาลศิลปกรรม (เชื้อ ปัทมจินดา)

 

 

          ครั้นมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รื้อย้ายพระตำหนักพญาไทไปปลูกสร้างขึ้นใหม่ที่วัดราชาธิวาสในตอนปลายปี พ.ศ.๒๔๗๓ แล้ว ก็ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน ๑๒,๒๗๗.๖๙ บาท เป็นค่ารื้อย้ายพระตำหนักพญาไทไปปลูกสร้างขึ้นใหม่ที่วัดราชาธิวาส กับอีก๒๒,๙๐๐ บาท เป็นค่าจ้างเหมานายกิ๊ดกี่ ยี่ห้อเชียงโหมว จัดสร้างตึกพยาบาลหลังใหม่ตามแบบรูปที่สภากรรมการจัดการวชิราวุธวิทยาลัยได้มอบหมายให้พระสาโรชรัตนนิมมานก์ (สโรช ร.สุขยางค์) และหลวงวิศาลศิลปกรรม (เชื้อ ปัทมจินดา) ออกแบบไว้ ในพื้นที่ว่างระหว่างคณะบรมบาทบำรุงกับกุฏิสมมตอมรพันธุ์ซึ่งเวลานั้นเป็นกองบังคับการของโรงเรียน

 

 

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร

เมื่อครั้งทรงดำรงพระยศเป็น นายพันตรี สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

 

          พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร [] เสด็จแทนพระองค์ทรงเปิดตึกพยาบาลนี้เนื่องในการพระราชพิธีฉัตรมงคล เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๕

 

 

ตึกพยาบาล ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชทานเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕

 

 

          ต่อมาในสมัยที่พระยาภะรตราชา (ม.ล.ทศทิศ อิศรเสนา) เป็นผู้บังคับการ ได้ริเริ่มจัดให้มีสถานรักษาโรคฟันขึ้นในตึกพยาบาล เพื่อบำบัดและป้องกันโรคฟันแก่นักเรียนรุ่นเยาว์ และด้วยความร่วมมือของนายแพทย์วิรัช มรรคดวงแก้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ โรงเรียนได้รับเครื่องทำฟันหนึ่งเครื่อง ส่วนเครื่องมือและเครื่องใช้ในการทำฟันนั้นโรงเรียนได้จัดหาพร้อมกับจัดตกแต่งสถานที่ด้วยเงินรายได้จากการจัดการแข่งขันรักบี้ประเพณี ครั้งที่ ๓ กับเดอะมาเลย์คอลเลจ (The Malay College) จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาทเศษ ทั้งยังได้จ้างทันตานามัยมาประจำทำการรักษาคนหนึ่ง กับในระยะแรกทันตแพทย์สี สิริสิงห คณบดีคณะทันตแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังได้เอื้อเฟื้อส่ง ทันตแพทย์ หม่อมราชวงศ์นิภัสร ลดาวัลย์ ซึ่งเป็นนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย มาประจำที่โรงเรียนเพื่อควบคุมและรับปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับฟันจากทันตานามัยอีกโสดหนึ่งด้วย

 

 

ตึกรามจิตติ (หลังใต้) ซึ่งจัดเป็นตึกพยาบาลในปัจจุบัน

 

 

          ตึกพยาบาลนี้ได้ใช้เป็นตึกพยาบาลนักเรียนเจ็บป่วยและเป็นสถานพยาบาลโรคฟัน กับได้จัดเป็นที่พักของคณะครูและนักเรียน The Malay College ที่เดินทางมาแข่งขันรักบี้ประเพณีกับวชิราวุธวิทยาลัยต่อเนื่องกันมาจนถึงสมัยที่ ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช เป็นผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย จึงได้ปรับเปลี่ยนจากตึกพยาบาลไปเป็นหอประวัติวชิราวุธวิทยาลัย ส่วนตึกพยาบาลได้ย้ายไปเปิดทำการที่ตึกโสตทัศนูปกรณ์เดิมซึ่งได้ปรับปรุงเป็นตึกพยาบาลพร้อมกับการก่อสร้างตึกธุรการใหม่ ริมสนามบาสเกตบอลใกล้หอนาฬิกา ตั้งแต่เปิดภาคเรียนวิสาขะ ปีการศึกษา ๒๕๔๓ เป็นต้นมา

 

 
 

 

[ ]  เรื่องเดียวกัน

[ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๗ ศ.๔/๑๐๐ เรื่อง โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย (๑๔ เมษายน๒๔๗๐ - ๘ สิงหาคม๒๔๗๕).

[ ต่อมาได้รับพระราชทานเฉลิมพระยศเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร

 
 

 

ก่อนหน้า  |  ๖๑  |  ๖๒  |  ๖๓  |  ๖๔  |  ๖๕  |  ๖๖  |  ๖๗  |  ๖๘  |  ๖๙  |  ๗๐  |  ถัดไป  |

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ ๑ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๑ - | ๑ - ๑๐ | ๐๑ - ๑๒ | ๒๑ - ๑๔ |

| ๑๔๑ - ๑๕๙ |