โดย อ.วรชาติ มีชูบท

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |

| ก่อนหน้า | ๑๔๑ | ๑๔๒ | ๑๔๓ | ๑๔๔ | ๑๔๕ | ๑๔๖ | ๑๔๗ | ๑๔๘ | ๑๔๙ | ๑๕๐ | ถัดไป |

 

๑๔๔. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (๑๖)

 

          เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งราชนาวีสมาคมแห่งกรุงสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ขึ้นแล้ว ต่อมาในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ได้เสด็จพระราชดำเนินเลียบหัวเมืองชายทะเลมณฑลจันทบุรีอีกครั้งหนึ่ง ในการเสด็จพระราชดำเนินคราวนี้ นอกจากจะโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงทหารเรือจัดการซ้อมรบทางเรือระหว่าง หมู่เรือตอร์ปิโดไทย ซึ่งประกอบด้วย เรือพิฆาตหลวงเสือทยานชล เรือตอร์ปิโด ๒ เรือตอร์ปิโด ๓ เรือตอร์ปิโด ๔ และเรือรบหลวงสุริยะ ซึ่งสมมติเป็นเรือนำฝ่ายหนึ่ง กับกองเรือข้าศึกซึ่งประกอบ เรือรบหลวงมกุฎราชกุมารเป็นเรือธง เรือรบหลวงพาลี เรือรบหลวงสุครีพ และเรือหลวงบุ๊ก ซึ่งสมมติเป็นเรือบรรทุกทหารอีกฝ่ายหนึ่ง โดยทรงเป็นผู้อำนวยการซ้อมรบด้วยพระองค์เองแล้ว ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงทหารเรือจัดให้เรือที่เข้าร่วมการซ้อมรบนั้นแปรกระบวนสวนสนามทางเรือถวายตัวเป็นสองกระบวนพร้อมกัน นับเป็นครั้งแรกที่แม่ทัพเรือไทยได้อำนวยการซ้อมรบและจัดการสวนสนามทางเรือขึ้นเป็นครั้งแรกในท้องทะเลอ่าวไทย และในการเสด็จพระราชดำเนินประพาสหัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันออกคราวนี้ ยังได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศสงวนพื้นที่ชายฝั่งทะเลสัตหีบตั้งแต่เกล็ดแก้วไปจนถึงแสมสาร ซึ่งภูมิประเทศประกอบไปด้วยภูเขา อ่าวใหญ่และหมู่เกาะอันเร้นลับไว้เพื่อประโยชน์แก่ราชการกองทัพเรือ ครั้นกระทรวงทหารเรือจัดให้มีการสำรวจพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวสยามเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๓ แล้วพบว่า อ่าวสัตหีบมีความเหมาะสมทางด้านยุทธศาสตร์ กล่าวคือ

                    ๑. อยู่เป็นสถานกลางของอ่าวสยาม

                    ๒. เป็นต้นทางของ VITAL POINT คือแม่น้ำเจ้าพระยา

                    ๓. น้ำลึกพอที่จะเป็นอ่าวเรือใหญ่ และสามารถจัดเป็นที่ฝึกซ้อมยิงตอร์ปิโดได้

                    ๔. มีเกาะต่างๆ เป็นที่กำบังสำหรับเล็ดลอดออกกระทำการยุทธวิธีด้วยเรือเล็กได้สะดวก

                    ๕. ทางบก มีทางติดต่อกับรถไฟสายปราจิณได้สะดวกไม่ต้องกลัว Isolation

                    ๖. อาจติดต่อกับกำลังทางทหาร และเป็นปีกหนึ่งของกองทัพบก ฝ่ายตะวันออกได้สะดวก

                    ๗. เป็นที่ฝึกหัดทางทะเลได้ตลอดทั้งสองมรสุมโดยเป็นที่กำบังมิดชิด
ต่อมาวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๕ นายพลเรือเอก พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสนาธิการทหารเรือ ได้มีลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานที่ดินอ่าวสัตหีบที่ได้โปรดเกล้าฯ ให้สงวนไว้ไปจัดสร้างเป็นฐานทัพเรือ เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ได้มีพระราชหัตถเลขาพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๕ โดยมีความตอนหนึ่งว่า

 

 

พระราชกระแสพระราชทานที่ดินอ่าวสัตหีบให้กระทรวงทหารเรือจัดเป็นฐานทัพเรือ

 

 

          “การที่จะเอาสัตหีบเปนฐานทัพเรือนั้น ก็ตรงตามความปรารถนาของเราอยู่แล้ว, เพราะที่เราได้สั่งหวงพื้นที่นั้นไว้ก็ด้วยความตั้งใจจะให้เปนเช่นนั้น. แต่เมื่อเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะใช้เปนฐานทัพเรือ และไม่อยากให้โจทย์กันวุ่น. จึงได้กล่าวว่าจะต้องการที่ไว้ทำวัง, สำหรับเผื่อจะมีผู้ขอจับจอง ฝ่ายเทศาภิบาลจะได้ตอบไม่อนุญาตได้โดยอ้างเหตุว่า “พระเจ้าอยู่หัวต้องพระประสงค์” เมื่อบัดนี้ทหารเรือจะต้องการที่นั้นก็ยินดีอนุญาตให้.”   []

 

 

          อนึ่ง เมื่อคราวที่ทรงประกาศสงครามกับเยอรมนี และออสเตรีย - ฮังการี เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ แล้ว ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงกลาโหมเปิดรับพลอาสาสมัครไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ ๑ จัดเป็นกองทหารบกรถยนต์ ๘๐๐ คน และกองบินทหารบก ๔๐๐ คน เมื่อกองทหารอาสาสมัครทั้งสองกองเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศสแล้ว กองทัพฝรั่งเศสได้ให้การอนุเคราะห์จัดการฝึกหัดแบบให้เปล่าแก่นายทหารในกองทหารบก รถยนต์ให้สามารถขับรถยนต์และซ่อมเครื่องยนต์จนสามารถออกทำการในสมรภูมิ และได้รับตรา “ครัวเดอแกรซ์” (Croix de Guerre) อันเป็นเหรียญกล้าหาญของฝรั่งเศสประดับที่ยอดธงไชยเฉลิมพล ส่วนกองบินทหารบกนั้น เนื่องจากต้องใช้เวลาฝึกบินและซ่อมบำรุงอากาศยานเป็นเวลานาน แม้สงครามจะสงบลงแล้วกองทัพฝรั่งเศสก็ยังคงให้การอนุเคราะห์ฝึกหัดนายทหารในกองบินทหารบกจนสามารถสอบไล่ได้เป็นนักบินเกือบร้อยนาย และเป็นช่างซ่อมบำรุง

 

 

กองทหารบกรถยนต์ในบังคับนายพันตรี หลวงรามฤทธิรงค์ (ต๋อย หัสดิเสวี - นายพันโท พระอาสาสงคราม)

ผู้บังคับกองทหารบกรถยนต์ (ยืนขวาสุด)

รับธงไชยเฉลิมพลและตรา “ครัวเดอแกรซ์” (Croix de Guerre)

ที่สถานีรถไฟเมืองนอยสตัดต์ ประเทศเยอรมนี

เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๑

อนึ่ง ในคราวเดียวกันนี้นายพลตรี มอร์ดอร์เร็ล ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในเมืองนอยสตัดต์
ได้เป็นผู้แทนรัฐบาลฝรั่งเศสประดับตรา “ครัวซ์ เดอ แกรร์” (Croix de Guerre) ที่ยอดธงไชยเฉลิมพลกองทหารบกรถยนต์

เป็นเกียรติประวัติในการที่กองทหารบกรถยนต์ได้กระทำการ

“ลำเลียงกำลังทหารและกระสุนปืนใหญ่เป็นจำนวนมากมายเข้าไปส่งในย่านกระสุนปืนข้าศึกหลายครั้งหลายหน”

 

 

          อากาศยานอีกจำนวนหนึ่ง และเมื่อเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๒ แล้ว นายทหารในกองทหารบกรถยนต์นั้นก็ได้นำความรู้ที่ได้รับมาพัฒนากรมพาหนะทหารบกจนเป็นกรมการขนส่งทหารบกในปัจจุบัน ส่วนนายทหารในกองบินทหารบกนั้นก็นำความรู้ที่ได้รับนั้นมาพัฒนากรมอากาศยานทหารบกจนเจริญ ก้าวหน้าเป็นกองทัพอากาศในเวลาต่อมา

 

 

นายพลเรือโท พระยาราชวังสัน

(ศรี กมลนาวิน)

พลเรือตรี พระยาหาญกลางสมุท

(บุญมี พันธุมนาวิน)

 

 

          นอกจากนั้นยังได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้นายนาวาโท พระประดิยัตินาวายุทธ (ศรี กมลนาวิน) ไปฝึกปฏิบัติในกองทัพเรือเดนมาร์ค และนายนาวาตรี หลวงหาญสมุท (บุญมี พันธุมนาวิน) [] ไปประจำการในกองทัพเรืออังกฤษ เพื่อเรียนรู้วิธีบังคับการเรือใต้น้ำของกองทัพเรืออังกฤษในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๑ จนสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาจัดตั้งกองเรือใต้น้ำขึ้นในราชนาวีสยามได้สำเร็จในเวลาต่อมา

 

 

 


[ ]  หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖ ก. ๒๐.๑ /๔๗ เรื่อง จัดอ่าวสัตหีบเป็นฐานทัพเรือ (๖ กันยายน - ๒๐ ธันวาคม ๒๔๖๕).

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็น นายพลเรือตรี พระยาหาญกลางสมุท

 

 

 

| ก่อนหน้า | ๑๔๑ | ๑๔๒ | ๑๔๓ | ๑๔๔ | ๑๔๕ | ๑๔๖ | ๑๔๗ | ๑๔๘ | ๑๔๙ | ๑๕๐ | ถัดไป |

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |