"วิธีเกณฑ์คนมาฝึกหัดเป็นทหารแต่ก่อนมา
เกณฑ์ตามวิธีเกณฑ์เลขอย่างโบราณ
วิธีนั้นกำหนดโดยเนื้อความซึ่งขอนำมากล่าวย้ำอีกครั้งหนึ่งเป็นดังนี้
คือ:
๑.
ชายทุกคนมีหน้าที่ต้องรับราชการตลอดจนเวลาฉกรรจ์
คือตั้งแต่อายุ ๑๘ ไปจนถึงอายุ ๖๐
ผู้ใดอายุเป็นฉกรรจ์
ต้องมาเข้าทะเบียนที่กรมพระสุรัสวดี
และเจ้าพนักงานสักท้องมือเป็นสำคัญว่าเป็นคนสังกัดอยู่กรมไหนๆ
ชายฉกรรจ์ถ้าไม่มาขึ้นทะเบียนสักท้องมือโดยมิได้รับอนุญาตยกเว้นตามกฎหมาย
เรียกว่าคนข้อมือขาว จับได้มีโทษ
และต้องสักส่งไปรับราชการในกรมที่มีงานหนัก.
๒. บรรดาไพร่พลที่สักแล้ว มีกำหนดรับราชการต่างกัน
คนที่อยู่หัวเมืองชั้นในโดยรอบกรุงเทพฯ
ข้างเหนือตั้งแต่ชัยนาทลงมา
ข้างใต้ตั้งแต่เมืองเพ็ชรบุรีขึ้นมา
ข้างตะวันออกตั้งแต่เมืองปราจีนและฉะเชิงเทราเข้ามา
ข้างตะวันตกตั้งแต่เมืองราชบุรีเข้ามา
ไพร่ฟ้าอยู่ในเขตเหล่านี้ต้องเข้ามารับราชการในกรุงเทพฯ
ปีละ ๒ เดือน และยังมีการระดมปีละครั้งหนึ่ง
ส่วนพลเมืองที่อยู่หัวเมืองชั้นกลางห่างกรุงฯ
จะมารับราชการกรุงเทพฯ ไม่สะดวก
คนอยู่ไหนก็เข้าทะเบียนสังกัดเป็นเลขคงเมืองอยู่เมืองนั้น
มีหน้าที่รับราชการปีละเดือนหนึ่ง
๓. การควบคุมคน จัดเป็นกรมๆ กรมหนึ่งมีเจ้ากรม,
ปลัดกรม, สมุห์บัญชี เป็นผู้บังคับบัญชา
รองลงไปมีนายกอง
นายหมวดอยู่ตามท้องที่ที่ไพร่พลอยู่
สำหรับดูแลและเรียกคนส่งมารับราชการ
๔. วิธีหาคนเพิ่มเติมเข้าในกรมตามวิธีเก่ามี ๓
สถาน คือสถานที่หนึ่งไพร่พลที่มีสังกัดกรมไหน
ถ้ามีลูกออกมาเรียกลูกหมู่
ต้องเข้าสังกัดรับราชการในกรมนั้นอย่างหนึ่ง
สถานที่สองคนข้อมือขาวอันรู้ไม่ได้ว่าเป็นลูกหมู่กรมไหน
ใครเกลี้ยกล่อมได้ก็เอาเข้าสังกัดในกรมนั้น
นี้อย่างหนึ่ง ส่วนที่สามลูกหมู่
หรือแม้ตัวไพร่ที่มีสังกัดในกรมที่มีหน้าที่รับราชการเบา
ถ้าจะสมัครไปอยู่กรมอื่นที่มีหน้าที่ราชการหนักกว่ากัน
ก็ไปได้ตามใจสมัครนี้อย่างหนึ่ง
ว่าโดยเนื้อความลักษณะเกณฑ์พลตามวิธีเลข
เป็นดังกล่าวมานี้
แต่มีวิธีอีกอย่างหนึ่ง
ซึ่งตั้งขึ้นแต่ครั้งกรุงเก่าตอนหลัง
เป็นการผ่อนผันวิธีเกณฑ์เลข
คือยอมให้ไพร่เสียเงินค่าราชการแทนตัวเข้ามารับราชการได้
ถ้าถึงเวรใครและจะไม่เข้ามาถ้าเสียเงินค่าราชการเดือนละ
๖ บาท หรือคิดรวมปีเป็นปีละ ๑๘
บาทแล้วก็ไม่ต้องเข้ามา
เจ้ากรมปลัดกรมมีหน้าที่เก็บเงินค่าราชการส่งกรมพระสุรัสวดี
และมีส่วนลดที่ได้แก่เจ้ากรม ปลัดกรม
ตลอดจนนายกองนายหมวด
เป็นผลประโยชน์ในการที่ได้ควบคุมคนนั้น
เพราะเหตุที่มีวิธีผ่อนผันให้เสียเงินแทนได้ดังนี้
ไพร่พลโดยมากจึงยอมเสียเงินแทนรับราชการ
ต่อที่ไม่มีเงินเสียหรือเห็นประโยชน์ที่รับจ้างผู้อื่นทำราชการแทนตัว
จึงเข้ามา
ด้วยเหตุนี้โดยปกติผู้ที่เข้ามารับราชการจึงมีน้อย
แต่ราชการแต่ก่อนไม่ต้องการตัวคนรับราชการมากนัก
ก็เป็นการเพียงพอและยังได้ตัวเงินมาใช้จ่ายราชการอีกปีละมากๆ
ด้วย
การที่เกณฑ์คนเข้ามาเป็นทหาร ฝึกหัดกระบวนอาวุธ
อย่างทหารทุกวันนี้
ทราบว่าเริ่มมีมาแต่ในรัชกาลที่ ๒ แลในรัชกาลที่ ๒
รัชกาลที่ ๓ จะจัดอย่างไรไม่ทราบชัด
แต่ในครั้งนั้นเสมอจัดขึ้นลองดูเพียงพวกหนึ่งสองพวก
ที่มาขยายการฝึกหัดทหารมีมากขึ้นนั้นเมื่อในรัชกาลที่
๔ เรียกว่าทหารอย่างยุโรป
แต่ก็จัดเป็นทหารสำหรับรักษาพระองค์และแห่นำตามเสด็จทั้งวังหลวงวังหน้ามีไม่กี่กรม
แต่ข้อสำคัญอยู่ในเรื่องวิธีเกณฑ์คนด้วยเป็นแบบติดต่อมาในรัชกาลที่
๕ จนตั้งพระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหารขึ้น. |